วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554

ปัญหาของเด็กไทย

ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาได้ยินข่าวมากมายเกี่ยวกับ เด็กเยาวชนของเราฆ่าตัวตาย ไม่ว่าจะเอ็นฯติดแต่กลัวพ่อแม่ไม่มีเงินส่งเสีย, เกรดตกกลัวพ่อแม่เสียใจ, ติด F กลัวพ่อแม่สิ้นเปลืองเงิน อ่านแล้วเศร้าใจค่ะ
ทำไมเด็กของเราจิตใจจึงเปราะบางนัก ใครมีส่วนทำให้เขาเป็นไปอย่างนั้น
แน่นอนคนใกล้ชิดกับเด็กเองก็คือพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ท่านเข้าข่ายมีส่วนโดยปัดความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะพวกท่านใกล้ชิดเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เล็ก

ย้อนไปเมื่อ 20-30 ปีก่อน พ่อแม่ในยุคนั้นมักบอกกับลูกว่าต้องเข้าเรียนในคณะที่ดีๆ ทำเงินได้เยอะๆ และมีโอกาสจะได้เป็นใหญ่เป็นโต เด็กๆในยุคนั้นตอนนี้ก็เติบโตขึ้นมาเป็นพ่อแม่ในยุคปัจจุบันนี้ เราแบกความคาดหวังของพ่อแม่มาตั้งแต่ยุคนั้น

มีทั้งที่สมหวัง และพลาดหวัง จนปัจจุบันนี้เราได้เป็นพ่อแม่คนบ้างแล้ว ท่านเห็นอะไรบ้างไหม ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้เป็นไปตามที่พ่อแม่คาดหวังไว้ แต่ปัจจุบันก็กลายเป็นแม่คนหนึ่ง และยังสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ตามสมควร (แม้จะไม่ได้เป็นใหญ่เป็นโตตามพ่อแม่คาดหวัง) หากวันนั้นเราฆ่าตัวตาย เราก็จะพลาดสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต

พ่อแม่ในยุคปัจจุบันไม่ได้แตกต่างจากยุคก่อน และยิ่งทวีความหวังในตัวลูกมากกว่ายุคก่อนเสียอีก อาจเป็นพราะสภาพการแข่งขัน เอาตัวรอดในปัจจุบันรุนแรงยิ่งนัก

ดิฉันได้เห็นพ่อแม่ที่มีลูกวัยอนุบาลเคี่ยวเข็ญลูกให้เขียนให้อ่านให้ได้ก่อนลูกเพื่อบ้าน หรือเพื่อนในห้อง เด็กอายุเพียง 5-6 ขวบต้องเรียนพิเศษถึง 6 โมงเย็น เพื่อให้พ่อแม่คุยได้ว่าลูกฉันเก่งกว่าใคร ได้เห็นแม่ยืนด่าลูกสาววัยประถมหน้าห้องเรียนในวันที่ไปดูคะแนนสอบว่า "มันเรียนยากเย็นนักรึไง ทำไมทำได้แค่นี้ เรียนพิเศษเพิ่มเยอะๆนะ ห้ามไปเล่นหลังเลิกเรียน" ดิฉันมองหน้าเศร้าๆน้ำตาคลอเบ้าของเด็กคนนั้นด้วยความเวทนา ได้เห็นพ่อแม่บางคนที่เอาเรื่องของตัวเองมาใส่หัวให้ลูกคิด เช่น แกต้องช่วยฉันทำงานบ้าง รู้มั๊ยฉันมีหนี้สินเท่าไหร่ ที่ต้องเลี้ยงดูส่งเสียแกน่ะ (ว่าเข้านั่น แล้วใครมันก่อหนี้ถ้าไม่ใช่พ่อแม่ที่ไม่รู้จักพอเพียง)

พ่อแม่กำลังทำอะไรกับลูก ทำเพื่ออะไร ชดเชยสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ในวัยเด็ก หรือเพียงอยากจะแข่งขันกับคนอื่นเพื่อความมีหน้ามีตาของตัวเอง

วันๆพ่อแม่ก้มหน้าก้มตาหาเงินมาจ่ายค่าเล่าเรียนสำหรับโรงเรียนดีๆแพงๆ แต่เพื่ออะไร เคยถามลูกหรือไม่ วันนี้เรียนเป็นยังไง ลูกทำอะไรบ้างที่โรงเรียน ลูกมีปัญหาอะไรปรึกษาพ่อแม่บ้างหรือเปล่า คุณเคยถามในสิ่งที่ลูกต้องการบ้างไหม หรือ บอกแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการให้ลูกฟัง

-คะแนนน้อยจัง ได้ที่เท่าไหร่เนี่ย ไปเรียนพิเศษอีก

-ต้องเอาชนะเค้าให้ได้นะลูก เท่าไหร่เท่ากันต้องเรียนเพิ่มอีกเท่าไหร่ พ่อ/แม่ยอมจ่าย

-เทอมนี้ต้องทำคะแนนให้ได้ดีกว่านี้

-ต้องสอบเข้าคณะนี้ให้ได้นะ ไม่งั้นแย่แน่เลย

-จะเลือกคณะนี้จริงๆเหรอ หางานยากนะ จบมาจะเอาอะไรกิน

-นี่ข้างบ้านติดหมอนะลูก แล้วเราล่ะติดอะไร

-จบแล้วนี่ ได้งานรึยังเงินเดือนเท่าไหร่ ลูกเพื่อนพ่อเค้าได้ตั้งหลายหมื่น

คุณรู้ไหมคะ คำพูดพวกนี้ทำร้ายจิตใจลูกคุณแค่ไหน คุณคิดว่าเค้าจะรับแรงเสียดทานเหล่านี้ได้มั้ย คุณคอยดูแลจิตใจพวกเขาตั้งแต่วัยเด็กมาดีแค่ไหน หากคุณใช้คำพูดเหล่านี้ทิ่มแทงเขาตั้งแต่เด็ก สักวันก็ต้องมีวันที่เขารับไม่ไหว

ไม่ได้บอกว่าให้เลิกคาดหวังในตัวเด็ก แต่ขอให้คุณมีหวังในตัวเด็ก เราย่อมรู้จักลูกของเราดีกว่าใคร

ทุกครั้งที่มองลูก ขอให้นึกถึงตัวเองในวัยเด็ก คุณอยากให้พ่อแม่ใส่ใจในตัวคุณแค่ไหน จงใส่ใจในตัวลูกของคุณให้มากกว่านั้น ฟังสิ่งที่เขาต้องการ มากกว่าบอกแต่สิ่งที่คุณต้องการให้เขาเป็น

ดิฉันเชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนที่อยู่ใกล้ชิดลูก อบรมดูแลเป็นอย่างดี ลูกต้องเป็นเด็กดีของคุณ หากเขาไม่เป็นอย่างที่หวัง อย่าซ้ำเติมเขาเลยค่ะ

ถึงลูกดิฉันจะไม่เก่งเท่าลูกคนอื่น ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยังไงก็อยากได้ลูกที่ยังมีชีวิตจิตใจและมีลมหายใจอยู่ ไม่ใช่ลูกที่หมดลมหายใจแล้ว เพราะหัวใจแตกสลาย

ช่วยกันสนใจเด็กไทยของเราบ้างนะคะ หลายคนกำลังหัวใจแตกสลายเพราะพ่อแม่โดยไม่รู้ตัว








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น