วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2553

คำทำนายอวสานโลก

ฮือฮาไม่ใช่เล่น เมื่อมีการเปิดปูมจดหมายของ เซอร์ ไอแซค นิวตัน บิดาแห่งฟิสิกส์และดาราศาสตร์ยุคใหม่ ที่ทำนายว่าโลกจะถึงกาลอวสานในปี 2060 หรืออีก 53 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นเวลาที่การวางรากฐานของอาณาจักรโรมันในยุโรปตะวันตก เวียนมาครบ 1,260 ปี

ไม่มีใครบอกได้ว่าคำทำนายดังกล่าวจะเป็นจริงหรือไม่ หรือถ้าเป็นจริง คนที่มองโลกในแง่ดีสุดขีด โดยเฉพาะในรายที่ย่างเข้าเลข 2 แก่ๆ แล้ว คงไม่คิดว่าตัวเองจะอยู่ถึงป่านนั้น แหม...มันตั้งอีก 50 กว่าปีเชียวนะ

การทำนายทายทักถึงวันอวสานของโลกมีมากมายหลายทฤษฎี เชื่อได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ขึ้นอยู่กับว่าใช้หลักการหรือศาสตร์ใดมาสนับสนุนคำทำนาย

ทฤษฎีที่โด่งดังมากสุดคงต้องยกให้กับคำทำนาย ที่ว่า โลกบูดเบี้ยวใบนี้จะแตกดับในวันที่ 21 ธ.ค. 2012 หรืออีกแค่ 5 ปีข้างหน้า...ด้วยชุดเลขสวย 212012

ทฤษฎีนี้คิดค้นขึ้นโดยชนเผ่ามายัน วันดังกล่าวถือเป็นวันสิ้นสุดปฏิทินลอง เคาต์ (Long Count) หรือ ปฏิทินลำดับที่ 3 ของชาวมายัน โดยปฏิทินลอง เคาต์ เล่มล่าสุดนั้น เริ่มต้นในปี 3114 ก่อนคริสตกาล และจะดำเนินต่อเนื่องเป็น 13 รอบบักตุน (baktun) กินเวลาทั้งสิ้นราว 5,126 ปี บวกลบออกมาแล้วก็ตรงกับปี 2012 พอดิบพอดี

การเริ่มต้นของ 13 รอบบักตุน เรียกได้อีกอย่างว่า “อาทิตย์ดวงที่ 5” ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวจะเวียนมาบรรจบเพื่อก่อกำเนิดดวงอาทิตย์ครบ 5 ดวง ในวันที่ 21 ธ.ค. 2012 โดยคำทำนายระบุเอาไว้ว่า ในวันนั้นโลกจะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งมโหฬาร ไล่เรียงตั้งแต่ภัยธรรมชาติที่จะทำลายทุกสิ่งไปจนถึงสงครามอภิมหาโลกาวินาศจนไม่มีมนุษย์คนใดมีชีวิตรอด ซึ่งอย่างหลังนี้อาจเชื่อมโยงได้กับทฤษฎีสงครามโลกครั้งที่ 3 ของนอสตราดามุส โหราจารย์ชื่อก้อง

สถานการณ์น่าระทึกในวันอวสานโลกข้างต้นตามจินตนาการของ อง โคลด โคเวน นักเขียนหนังสือแนวอภิปรัชญาชาวฝรั่งเศส บรรยายว่า ให้นึกถึงภาพตัวเองอยู่ในสถานีรถไฟอันแออัดตอนเช้า แล้วทันใดนั้นก็เกิดเหตุโกลาหลครั้งใหญ่ทั้งธรรมชาติแปรปรวนและระบบคอมพิวเตอร์หรือระบบควบคุมการทำงานของเครื่องจักรเครื่องยนต์ต่างๆ ขัดข้อง จนเป็นเหตุให้ขบวนรถไฟในชานชาลาพากันวิ่งออกไปคนละทิศ คนละทาง คล้ายกับซี่วงล้อเกวียน

ในสถานการณ์อันเลวร้ายเช่นนั้นยังกดดันให้คุณจำเป็นต้องเลือกขึ้นรถไฟสักขบวน อย่างน้อยก็ยังรอดจากการโดนรถไฟทับตาย แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่คุณไม่มีทางรู้เลยว่า รถไฟขบวนที่หลับหูหลับตาขึ้นไปนั้นจะพาคุณไปไหน?

น่าแปลกที่นอกจาก 212012 จะเป็นวันสุดท้ายของปฏิทินชนเผ่ามายันแล้ว ยังมีข้อมูลทางดาราศาสตร์ที่ระบุไว้ว่า จะเกิดพลังงานลึกลับที่จะเปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาล โดยในเวลาที่ดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรมากที่สุดในช่วง ฤดูหนาวของปี 2012 นั้น ดวงอาทิตย์จะอยู่ในระนาบเดียวกับใจกลางของทางช้างเผือกเป็นครั้งแรกในรอบ 2.6 หมื่นปี ซึ่งหมายความว่า พลังงานทุกประเภทจากใจกลางของทางช้างเผือกจะถาโถมและเกิดการปะทะกับพลังงานทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็นของโลกในวันที่ 21 ธ.ค. 2012 เวลา 23.11 น. (11.11 pm ตามเวลาสากล)

สมมติว่า มีมนุษย์เหลือรอดบนโลก ก็ไม่อาจรู้ว่าจะจำตัวเองได้หรือไม่ เนื่องจากพลังงานทั้งหลาย แหล่ข้างต้นจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของ ดีเอ็นเอ นำมาซึ่งการกลายพันธุ์ หรือสรุปคร่าวๆ ได้ว่า ถึงตอนนั้นโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง คนที่รอดต้องดิ้นรนสร้างสิ่งต่างๆ นับจากศูนย์

นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลทางธรณีวิทยาที่ชี้ว่า ปี 2012 คือปีที่ซูเปอร์โวลคาโน หรือภูเขาไฟใต้น้ำครบกำหนดเวลา 7.4 หมื่นปีที่จะทำลายหรือระเบิดตัวเอง โดยสัญญาณเตือนภัยครั้งล่าสุด คือ โศกนาฏกรรมคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อปี 2004 ที่บอกให้ชาวโลกรู้ว่า โครงสร้างพื้นผิวโลกได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และการระเบิดของซูเปอร์โวลคาโนอาจไม่ใกล้ไม่ไกลบริเวณที่เคยเกิดสึนามิมาก่อน

และเป็นที่น่าสังเกตว่า ระยะหลังมานี้ เกิดเหตุแผ่นดินไหว ดินถล่ม และน้ำในแม่น้ำหรือทะเลสาบเหือดแห้งบ่อยครั้งทั่วโลก เป็นไปได้ที่ส่วนหนึ่งเกิดจากภาวะโลกร้อน แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เช่นกันว่าโครงสร้างของพื้นผิวโลกกำลังขยับและเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยที่มนุษย์ไม่รู้ตัว

อีกหนึ่งทฤษฎียิ่งน่าสะพรึงกลัวเข้าไปอีก เมื่อมีการย่นระยะเวลาอวสานของโลกให้ใกล้เข้ามามากกว่านั้น โดยกลุ่มเชิร์ช ออฟ เดอะ ซับจีเนียส ก่อตั้งโดย เจ.อาร์.บ็อบ ด็อบบ์ส ทำนายว่า จุดจบของโลกจะเกิดขึ้นในวันที่ 5 ก.ค. หรืออีกไม่กี่วันข้างหน้า

วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การเตรียมตัวไปต่างประเทศ



1.หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ที่เหลืออายุการใช้งานอย่างน้อย6 เดือน มีหน้าตรวจลงตราไม่น้อยกว่า 5
หน้า
2.รูปถ่าย สี ขนาด 2 นิ้ว อย่างน้อยคนละ 6 ใบ

3. การเดินทางไปต่างประเทศ นอกจากจะต้องมีหนังสือเดินทางแล้วในบางประเทศยังต้องขอวีซ่าในการ เข้าประเทศ นั้น ๆ ด้วย

4.ใบเข้า-ออก ประเทศไทยอย่างละ 1 ใบ ใบเข้า-ออก ของประเทศที่จะไป อย่างละ 1 ใบ

5. เช็คที่จอคอมพิวเตอร์ว่าจะออกเดินทางประตูอะไรและเลขที่นั่งอะไร อาจมีการเปลี่ยนแปลง

6. ใบศุลกากร ถ้าต้องการนำของใช้ส่วนตัวออกไประหว่างการเดินทาง เช่น กล้องวีดีโอ,กล้องถ่ายรูป วิทยุ,เทป ฯลฯ และประสงค์จะนำกลับเข้ามาในประเทศ และจะต้องแจ้งแก่เจ้าหน้าที่
ศุลกากร ณ ที่ทำการศุลกากร (ขาออก) ประจำท่าอากาศยานกรุงเทพฯ

7.การนำเงิน ธนบัตรต่าง ๆ
- เงินไทยนำออกไปได้ไม่เกิน 100,000 บาท สำหรับประเทศที่มีพรมแดนติดไทย
- เงินไทยนำออกไปได้ไม่เกิน 50,000 บาท สำหรับไปยังประเทศที่ไม่มีพรมแดนติดไทย
8. ยารักษาโรค หรือยาประจำตัว

9. เสื้อกันหนาวหรือของใช้ส่วนตัวที่ต้องนำไปใช้ระหว่างการเดินทาง
10. เบอร์โทรศัพท์ของหัวหน้าคณะที่พาไป
11. วิธีโทรศัพท์ โทรไปทั่วโลกและโทรกลับเมืองไทย รหัสทางไกล+ประเทศ+เมือง/มือถือ+ปลายทาง การใช้โทรศัพท์ประเทศต้องแจ้งให้บริษัททำการรูมมิ่งก่อนออกเดินทาง

12. อุณหภูมิของแต่ละประเทศที่จะเดินทางไป
13. ของยกเว้นอากรภาษีขาเข้า สุรา 1 ลิตร, บุหรี่ไม่เกิน 200 มวน, ของใช้ส่วนตัวไม่เกิน 10,000 บาท

14. นำบัตรที่นั่งบนเครื่องบิน หนังสือเดินทาง ตั๋วโดยสารและของที่จะนำติดตัวออกไปแสดงและแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตม. และศุลกากร ณ ที่ทำการตม. และศุลกากร (ขาออก) ประจำท่าอากาศยานกรุงเทพฯ

ipod Touch

iPod Touch 4th Generations Info, Pictures and Release Date

Sweet! iPod Touch 4th Generation is now out. Release date in stores is going to be next week but you can pre-order it right now on apple website.

Apple - iPod touch - Video calls, HD video, Game Center, and more_1283367423778

Here is what you need to know about new iPod Touch 4:

iPod Touch will have front and back facing camera. With back camera you will be able to do 720p HD recording with up to 30fps and also take 920x720 pictures. You will also be able to take photos and videos with front facing camera but in VGA mode and 30fps (Frames Per Second).

Display is 3.5 inches diagonally long and sure enough it’s touch-screen with 960x640 pixel resolution AND Retina screen just like iPhone.

Again iPod Touch 4th Generation will look like iPhone 4 without GPS,3G and calling capability capability .

These are the prices:

8GB $229

32GB $299

64GB $399

You will be able to use FaceTime which can be considered as “calling” but works only on Wi-Fi.

When can you buy iPod Touch 4?

Next week! and you can pre-order it NOW!

More info you can get via Apple iPod Touch page.

วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เลขโรมัน

เลขโรมัน เป็นระบบตัวเลขที่ใช้ในโรมโบราณ เลขโรมันถือเป็น ระบบเลขไม่มีหลัก หมายความว่า ไม่ว่าจะเขียนตัวเลขแต่ละตัวไว้ ณ ตำแหน่งใดของค่าตัวเลขนั้นจะมีค่าคงที่เสมอ ระบบเลขโรมันมีสัญลักษณ์ที่ใช้กันดังนี้
I หรือ i มีค่าเท่ากับ 1
V หรือ v มีค่าเท่ากับ 5
X หรือ x มีค่าเท่ากับ 10
L หรือ l มีค่าเท่ากับ 50
C หรือ c มีค่าเท่ากับ 100
D หรือ d มีค่าเท่ากับ 500
M หรือ m มีค่าเท่ากับ 1,000

นอกจากนี้ ยังมีสัญลักษณ์อื่นที่ไม่ได้ใช้ในระบบเลขโรมันปัจจุบัน แต่ปรากฏอยู่ในรหัสยูนิโคด ดังนี้
ↀ (U+2180) มีค่าเท่ากับ 1,000
ↁ (U+2181) มีค่าเท่ากับ 5,000
ↂ (U+2182) มีค่าเท่ากับ 10,000
ↇ (U+2187) มีค่าเท่ากับ 50,000
ↈ (U+2188) มีค่าเท่ากับ 100,000

การเขียนเลขโรมัน
การเขียนเลขโรมัน สามารถเขียนแทนเฉพาะจำนวนเต็มบวกเท่านั้น เนื่องจากในสมัยก่อนโรมยังไม่มีสัญลักษณ์แทนเลขศูนย์หรือเลขทศนิยม[1] โดยให้เขียนจากสัญลักษณ์ที่มีค่ามากแล้วลดหลั่นกันไปยังสัญลักษณ์ที่มีค่าน้อย เช่น
MCCCXXV มีค่าเท่ากับ 1,000 + 300 + 20 + 5 = 1,325
MMMDLXVII มีค่าเท่ากับ 3,000 + 500 + 60 + 7 = 3,567

ถ้าเขียนสัญลักษณ์ที่มีค่าน้อยกว่าไว้ด้านหน้าสัญลักษณ์ที่มีค่ามากกว่า ค่าของจำนวนที่ได้จะมีค่าเท่ากับจำนวนที่มีค่ามากลบด้วยจำนวนที่มีค่าน้อย และจะเขียนสัญลักษณ์เพียงคู่เดียวในแต่ละหลักเท่านั้น เช่น
IX มีค่าเท่ากับ 10 − 1 = 9
XL มีค่าเท่ากับ 50 − 10 = 40
MCMLXXVII มีค่าเท่ากับ 1,000 + (1,000 − 100) + 70 + 7 = 1,977
MMCDLXVIII มีค่าเท่ากับ 2,000 + (500 − 100) + 60 + 8 = 2,468

จำนวนที่มีค่าเกินกว่าที่กำหนดไว้ตามสัญลักษณ์ดังกล่าว จะเขียน บาร์ (ขีด) ไว้บนสัญลักษณ์เหล่านี้ ซึ่งหากบาร์ถูกกำหนดไว้บนสัญลักษณ์ใด สัญลักษณ์นั้นจะแทนจำนวนซึ่งมีค่าเท่ากับสัญลักษณ์นั้นคูณด้วย 1,000 เช่น
V มีค่าเท่ากับ 5 × 1,000 = 5,000
X มีค่าเท่ากับ 10 × 1,000 = 10,000
L มีค่าเท่ากับ 50 × 1,000 = 50,000
C มีค่าเท่ากับ 100 × 1,000 = 100,000
D มีค่าเท่ากับ 500 × 1,000 = 500,000
M มีค่าเท่ากับ 1,000 × 1,000 = 1,000,000

โดยปกติแล้ว การเขียนเลขโรมันจะไม่เขียนสัญลักษณ์เดียวกันอยู่ติดกันตั้งแต่ 4 ตัวขึ้นไป ยกเว้นบนหน้าปัดนาฬิกา ที่จะใช้ IIII แทนเวลา 4 นาฬิกาหรือ 16 นาฬิกา เพื่อป้องกันความสับสนในการอ่านเวลา
ตัวอย่างการเขียนเลขโรมัน
เลขโรมัน เลขอารบิก ค่าของตัวเลข เลขโรมัน เลขอารบิก ค่าของตัวเลข
I 1 หนึ่ง C 100 หนึ่งร้อย
II 2 สอง CC 200 สองร้อย
III 3 สาม CCC 300 สามร้อย
IV 4 สี่ CD 400 สี่ร้อย
V 5 ห้า D 500 ห้าร้อย
VI 6 หก DC 600 หกร้อย
VII 7 เจ็ด DCC 700 เจ็ดร้อย
VIII 8 แปด DCCC 800 แปดร้อย
IX 9 เก้า CM 900 เก้าร้อย
X 10 สิบ M 1,000 หนึ่งพัน
XI 11 สิบเอ็ด MM 2,000 สองพัน
XII 12 สิบสอง MMX 2,010 สองพันสิบ
XX 20 ยี่สิบ MMDLIII 2,553 สองพันห้าร้อยห้าสิบสาม
XXX 30 สามสิบ MMM 3,000 สามพัน
XL 40 สี่สิบ MMMCMXCIX 3,999 สามพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้า
L 50 ห้าสิบ
LX 60 หกสิบ
LXX 70 เจ็ดสิบ
LXXX 80 แปดสิบ
XC 90 เก้าสิบ

วันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Lady Gaga!!

Lady Gaga!!!




โจแอนน์ สเตฟานี แอนเจลินา เจอร์มาน็อตตา (อังกฤษ: Joanne Stefani Angelina Germanotta) เกิดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 1986 หรือเป็นที่รู้จักในนาม เลดี้ กาก้า (อังกฤษ: Lady GaGa) เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง และนักดนตรี ชาวอเมริกัน เธอเป็นที่รู้จักในผลงานแนวอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเธอได้รับอิทธิพลจากร็อกเกอร์ อย่างเช่น เดวิด โบวี ,ควีน เช่นเดียวกับนักร้องแนวป็อปแด๊นส์ในยุค 1980 อย่าง มาดอนน่า และจอร์จ ไมเคิล เธอเติบโตในย่านแมนฮัตตัน ที่เธอเรียนที่โรงเรียน Convent of the Sacred Heart และต่อมาเรียนต่อที่ โรงเรียนศิลปะทิสช์แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก เมื่ออายุ 20 ปี เธอเริ่มทำงานในฐานะนักแต่งเพลงให้กับอินเตอร์สโคปเรคอร์ดส เขียนเพลงให้กับศิลปินอย่าง เดอะพุสซีแคตดอลส์และบริทนีย์ เสปียร์ส

ในปี ค.ศ. 2008 เลดี้ กาก้า ออกผลงานชุดแรกในชื่อ The Fame ที่มีซิงเกิลฮิตอย่าง "Just Dance" และ "Poker Face" ซึ่งทั้งสองซิงเกิลสามารถขึ้นไปถึงอันดับหนึ่งในชาร์ตบิลบอร์ด ทำสถิติเป็นศิลปินคนแรกในรอบเกือบ 10 ปีที่ซิงเกิล 2 ซิงเกิลแรกขึ้นไปถึงอันดับหนึ่งในชาร์ต นอกจากนี้ "Just Dance" ยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี สาขาเพลงแดนซ์ยอดเยี่ยมอีกด้วย



ประวัติ








เลดี้ กาก้าเกิดที่ยองเกอร์ส รัฐนิวยอร์ก บิดาและมารดาเป็นนักลงทุนทางอินเทอร์เน็ตเชื้อสายอิตาเลียน ในวัยเด็ก กาก้าเข้าเรียนที่โรงเรียนคอนแวนต์แซเครดฮาร์ตในแมนฮัตตัน และเรียนต่อด้านดนตรีที่โรงเรียนศิลปะทิสช์แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก แต่ลาออกก่อนจะสำเร็จการศึกษา หลังจากยุติการเรียน กาก้าย้ายออกจากบ้าน และใช้เวลาส่วนใหญ่เตร็ดเตร่อยู่ในแมนฮัตตัน ก่อนจะได้เซ็นสัญญาในที่สุด
กาก้าเซ็นสัญญาครั้งแรกกับค่ายเดฟ แจม เมื่อมีอายุได้ 19 ปี แต่ถูกยกเลิกสัญญาในอีก 3 เดือนให้หลัง ก่อนจะเซ็นสัญญาอีกครั้งในปี
เดือนมกราคม ค.ศ. 2008 กับอินเตอร์สโคปเร็คคอร์ด ต้นสังกัดปัจจุบัน ในช่วงแรกนั้น กาก้าทำงานในฐานะนักแต่งเพลงเสียเป็นส่วนใหญ่ ก่อนที่เอค่อนจะมองเห็นถึงศักยภาพในด้านการร้องเพลงของกาก้า และคิดว่า เธอมีความสามารถเพียงพอที่จะออกผลงานเป็นของตนเองได้ กาก้าได้เริ่มทำอัลบั้มแรก The Fame ร่วมกับโปรดิวเซอร์ เรดวัน และได้ออกวางจำหน่ายอัลบั้มในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2008 โดยเปิดตัวที่อันดับ 17 ในชาร์ตบิลบอร์ดและขึ้นสูงสุดที่อันดับ 4
กาก้ายังเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น เมื่อ
คริสติน่า อากีเลร่า ขึ้นแสดงเพลง "Keep Gettin' Better" ในงานประกาศผลรางวัลเอ็มทีวี วีดีโอ มิวสิก อวอร์ดส ในภาพลักษณ์คล้ายๆกัน จนมีสื่อมวลชนวิจารณ์ว่า คริสติน่านั้นเลียนแบบภาพลักษณ์ของกาก้า ซึ่งกาก้าก็ได้ให้ความเห็นว่า เธอไม่คิดว่า คริสติน่านั้นจะเลียนแบบเธอ แต่ก็ยอมรับว่าจากเหตุดังกล่าวมีส่วนทำไห้เธอเป็นที่สนใจมากยิ่งขึ้น และเธอเองก็รู้สึกขอบคุณ ส่วนคริสติน่าเองก็ได้ออกมาปฏิเสธ และกล่าวเพิ่มเติมว่า ตัวเธอไม่รู้จักเลดี้ กาก้าด้วยซ้ำ
ชื่อ "กาก้า" นั้นได้แรงบันดาลใจมาเพลง "Radio Ga-Ga" ของ
ควีน ซึ่งร็อบ ฟูซารี หนึ่งในทีมโปรดิวเซอร์ เป็นคนตั้งให้

โรคแฝงมากับอาหารขยะ (junk food)





สังคมปัจจุบันนี้ มีการแข่งขันสูง ความเร่งรีบจึงทำให้ลักษณะนิสัยของผู้บริโภคต้องการความสะดวก รวดเร็ว หาซื้อได้ รับประทานได้ทุกที่ทุกเวลา อาหารสำเร็จรูปและอาหารจานเดียวจึงเป็นทางเลือกยอดนิยม ที่หลายคนเรียกอาหารเหล่านี้ว่า "Jung Food" หรือ "อาหารขยะ" นั่นเอง

โดยนักโภชนาการ เปิดเผยถึงอาหารจำพวก แฮมเบอร์เกอร์ม เฟรนซ์ฟราย, พิซซ่า และ น้ำอัดลม ว่าเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงแต่โปรตีนน้อยมาก และมีคุณค่าทางโภชนาการต่ำ จึงไม่สนับสนุนให้กินเป็นอาหารมื้อหลัก หากกินอาหารเหล่านี้มากๆ อาจส่งผลต่อร่างกายหรือได้รับโรคที่แฝงมากับอาหารก็เป็นได้

- โรคหัวใจ คอเลสเตอรอบสูง เพราะกินอาหารที่มีไขมันบ่อย พอสะสมในร่างกายเยอะๆ เสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตและโรคไต

- โรคข้อกระดูกอักเสบ น้ำหนักที่มากเกิน ส่งผลให้ข้อเข่าและสะโพกล้า กระดูกอ่อนอาจเสื่อมสภาพได้

- โรคตับ หากสะสมไขมันในตับ อาจทำให้เป็นโรคตับแข็งได้

- โรคเบาหวาน พอมีไขมันที่หน้าท้องมากเกิน ทำให้เกิดการต้านอินซูลินส่งผลให้สะสมกลูโคสในร่างกายทำให้เป็นเบาหวาน ส่งผลให้ทำลายหลอดเลือดในจอตา ทำให้ตาบอดแทรกซ้อนได้

- ไขมันในเลือดสูง เพราะกินอาหารจำพวกนี้เป็นประจำ เสี่ยงต่อการเป็นเส้นเลือดในสมองอุดตัน หลอดเลือดพิการ เพราะไขมันไปเกาะผนังหลอดเลือด

ไม่ว่าจะเป็นอาหารอะไร ล้วนแต่มีประโยชน์ หากรู้จักเลือกรับประทาน และทานในปริมาณที่เหมาะสม หรือจะลองเปลี่ยนจาก Fast Food จานด่วนต่างชาติเป็นข้าวราดแกงริมฟุตบาท ที่คุณค่าทางโภชนาการเหมาะกับคนไทยอย่างเรา ก็ยิ่งดี

วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553

อันตรายจากเฟรนช์ฟราย อาหารโปรดของวัยรุ่นในยุคนี้

เฟรนช์ฟราย อาหารโปรดของวัยรุ่นในถึงยุคนี้ ใครๆ ก็คุ้นเคยกับคำว่า "เฟรนช์ฟราย" หรือมันฝรั่งทอดชนิดแท่ง ที่ขายกันเกร่อตามร้านอาหารจานด่วนติดยี่ห้อฝรั่ง คงทราบกันแล้วว่ารสชาติของมันไม่มีอะไรมากไปกว่า "มัน" และ "เค็ม" ออกจะไม่ค่อยดีต่อสุขภาพเท่าไร แต่ก็ดูจะเป็นอาหารที่ถูกใจวัยรุ่นอยู่ไม่น้อย
ไม่ใช่กล่าวหากัน อย่างเลื่อนลอย แต่มีข้อมูลจากการเก็บตัวอย่างทดสอบของ โครงการพัฒนากลไกการเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านอาหารของผู้บริโภค เก็บตัวอย่างเฟรนช์ฟราย 3 ครั้ง จำนวน 30 ตัวอย่าง ในเดือนพฤศจิกายน 2552-เมษายน 2553 ผลทดสอบรายงานใน วารสารฉลาดซื้อ เดือนสิงหาคม 2553 พบว่าในการทดสอบปริมาณ เกลือหรือโซเดียม ในเฟรนช์ฟรายขนาดใหญ่ ที่เก็บเมื่อเดือนมีนาคม พบว่ามีปริมาณเกลือในระดับสูงและจัดว่ามีความเสี่ยงที่อาจจะก่อให้เกิด อันตรายได้ หากบริโภคติดต่อกันในระยะยาว

การทดสอบ ไขมันทรานส์ ที่เป็นตัวเพิ่มระดับคอเลสเทอรอลชนิดไม่ดี (LDL : low-density lipoprotein) ในเลือด และลดระดับคอเลสเทอรอลชนิดดี (HDL : high-density lipoprotein) ในเลือด ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดนั้น พบว่าอยู่ในระดับที่ปลอดภัยในการบริโภค

ส่วนการทดสอบค่าของกรด (Acid Value) ซึ่งจะเป็นเครื่องชี้วัดคุณภาพของน้ำมันที่ใช้ในการทอดอาหารนั้น โดยหากค่าของกรดต่ำหมายความว่าน้ำมันที่ใช้มีคุณภาพดี และหากค่าของกรดสูงหมายความว่าน้ำมันผ่านการใช้ซ้ำมาหลายครั้ง ผลออกมาว่ายังอยู่ในข่ายต้องเฝ้าระวัง ส่วนใหญ่อยู่ในระดับรับได้ แต่ บางร้านต้องระวัง
งานทดสอบครั้งนี้ไม่ได้บอกว่าห้ามกินเฟรนช์ฟราย แต่ถ้าดูภาพรวมกล่าวได้ว่าหากมีการ กินเฟรนช์ฟรายขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่องจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคไต เนื่องจากได้รับโซเดียมเกินความ ต้องการของร่างกาย ทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงจากการเป็นโรคมะเร็ง ความดันโลหิต และหลอดเลือดหัวใจ อันเนื่องมาจากการบริโภคน้ำมันทอดซ้ำ

ข้อแนะนำ

ควรหลีกเลี่ยงการกินเฟรนช์ฟรายขนาดใหญ่เพราะยากที่จะกินให้หมด และเมื่อเสียดายก็จะกินมากเกิน ควรเลือกกินขนาดเล็ก และไม่ควรกินติดต่อกันเป็นประจำ ถ้าเป็นไปได้ควรบอกให้ เจ้าของร้านเปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ทอดอาหารบ่อยๆ และใส่เกลือลงในเฟรนช์ฟรายให้น้อยลง ที่สำคัญอันสุดท้ายคือทำกินเองที่บ้านก็ได้ เพราะเราควบคุมทุกอย่างได้ทั้งปริมาณเกลือ คุณภาพน้ำมัน และอุณหภูมิในการทอด

วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553

แต่งหน้าแบบธรรมชาติ (Natural Make-up)

จุดเด่น ของการแต่งหน้าสไตล์ธรรมชาติ คือ การแต่งหน้าในแบบที่แต่งหน้าแล้วแต่ดูสวยใสราวกับไม่ได้แต่งหน้า ซ้ำยังสามารถปกปิดจุดด้อย และเสริมสร้างจุดเด่นบนใบหน้าให้สวยขึ้นได้อีก สังเกตได้จากสไตล์การแต่งหน้าของ “ชงเฮเคียว” นางเอกจากซีรีส์เกาหลีเรื่อง “Full house” และ “ลียองเอ” นางเอกจากเรื่อง “แดจังกึม” ในละครและหนังของเกาหลี จะเห็นได้ว่านางเอกเหล่านี้ไม่ได้แต่งหน้ามาก แต่สามารถออกมาสวยและเป็นธรรมชาติมากๆ
ข้อควรระวัง ของการแต่งหน้าสไตล์นี้ คือ การแต่งหน้านั้นไม่ใช่การโชว์สีที่ใบหน้า แต่การแต่งหน้านั้นเพื่อทำให้เราสวยขึ้นและทำให้เราดูเด็กลง

รองพื้น ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดที่สุดสำหรับการแต่งหน้าสไตล์ไทยและการแต่งหน้าสไตล์เกาหลี คือ การลงรองพื้น และการเขียนคิ้ว ซึ่งการแต่งหน้าสไตล์ Natural Make-up นั้น การลงรองพื้น และการเขียนคิ้ว ถือเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด ถ้าเราลงรองพื้นและเขียนคิ้วเสร็จแล้ว ถือได้ว่าเราแต่งหน้าเสร็จไปแล้ว 70% การลงรองพื้นให้เลือกตามสีผิวของเราเอง (อย่าลงให้ขาวเว่อร์เกินสีผิวจริง) ต้องลงรองพื้นให้เบาบางที่สุด และใช้คอนซิลเลอร์ปกปิดแค่ส่วนที่เราอยากจะปกปิดเท่านั้น เช่น สิว ฝ้า กระ รอยจุดด่างดำ แผลเป็น จะทำให้หน้าดูเบาบางกว่าการที่เราจะลงรองพื้นหนาๆ และให้กดเยอะๆ นานๆ เพื่อทำให้เครื่องสำอางอยู่ทนติดหน้าเราได้ทั้งวัน

การเขียนคิ้ว แต่ละคนจะมีรูปคิ้วที่แตกต่างกัน คนเกาหลีนิยมเขียนคิ้วตามรูปคิ้วจริงๆ (จึงมองดูคิ้วหนา) ต่างจากคนไทยที่นิยมเขียนคิ้วแบบคันศร (เป็นเส้นเดียวยาวโค้ง) การเขียนคิ้วควรใช้ดินสอเขียนคิ้ว (Ebony Pencil) สกรูว์บรัช, และ แชโดว์บรัช ในการเขียนคิ้ว เพื่อจะทำให้คิ้วออกมาดูเป็นธรรมชาติ เวลาเขียนคิ้วพยายามอย่าให้โหนกคิ้วสูงจนเกินไป ทำให้รู้สึกนุ่มมากที่สุด
ข้อควรระวัง การใช้ดินสอเขียนคิ้วที่มีส่วนของน้ำมันผสมอยู่ จะทำให้คิ้วดูเข้มและไม่เป็นธรรมชาติ

อายแชโดว์ ควรลงรองพื้นให้เข้ากับโทนสีผิวของตัวเองก่อน หลังลงรองพื้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้สีชมพูเป็นพอยต์ (Point) เพื่อให้เกิดความรู้สึกที่สว่างและเพิ่มส่วนที่เป็นไฮไลต์ โดยใช้แชโดว์ที่เป็นมุกจะให้ความรู้สึกที่ดูใส สว่าง ข้อสำคัญสาวเกาหลีจะเขียนขอบตาเฉพาะขอบตาบน
ข้อควรระวัง อย่าใช้สีมากเกินไป เพราะจะทำให้ดูเชย ไม่ทันสมัย ที่สำคัญแลดูไม่เป็นธรรมชาติ หากจะเล่นสีที่ตานิยมใช้โทนสีพาสเทล

ลิปสติก การทาลิปนั้นไม่ต้องเน้นลิปไลน์มาก ควรทาลิปที่เป็นโทนสีแดงทาแค่ในปากเท่านั้น จะทำให้รู้สึกว่าริมฝีปากสว่าง สดใสขึ้น และให้ใช้ลิปกลอสทาตั้งแต่ริมฝีปากข้างในจนถึงข้างนอกให้แลดูเป็นธรรมชาติ
ข้อควรระวัง อย่าทาลิปกลอสในปริมาณที่มากเกินไป เพราะจะดูเหมือนว่าเพิ่งผ่านการรับประทานอาหารที่มันๆ มา


บลัชออน การปัดแก้มควรใช้บลัชออนสีชมพูที่เป็นธรรมชาติปัดบนส่วนที่เป็นโหนกแก้ม (โดยลองยิ้มดูแล้วปัดตรงส่วนที่นูนขึ้นมามากที่สุด) แต่อย่าทามากเกินไป เพราะจะทำให้รู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ

วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Techno

Techno is a form of electronic dance music (EDM) that emerged in Detroit, Michigan (USA) in the mid to late 1980s. The first recorded use of the word techno, in reference to a genre of music, was in 1988. Many styles of techno now exist, but Detroit techno is seen as the foundation upon which a number of subgenres have been built.



The initial take on techno arose from the melding of European electronic music by artists such as Kraftwerk with African American music including funk, electro, Chicago house and electric jazz. Added to this is the influence of futuristic and fictional themes that are relevant to life in American late capitalist society—particularly the book The Third Wave by Alvin Toffler. Pioneering producer Juan Atkins cites Toffler's phrase "techno rebels" as inspiring him to use the word techno to describe the musical style he helped to create. This unique blend of influences aligns techno with the aesthetic referred to as afrofuturism. To producers such as Derrick May, the transference of spirit from the body to the machine is often a central preoccupation; essentially an expression of technological spirituality. In this manner: "techno dance music defeats what Adorno saw as the alienating effect of mechanisation on the modern consciousness".

Music journalists and fans of techno are generally selective in their use of the term; so a clear distinction can be made between sometimes related but often qualitatively different styles, such as tech house and trance. "Techno" is also commonly confused with generalized descriptors, such as electronic music and dance music


Rock......!!

Rock music is a genre of popular music that entered the mainstream in the 1950s. It has its roots in 1940s and 1950s rock and roll, rhythm and blues, country music and also drew on folk music, jazz and classical music. The sound of rock often revolves around the electric guitar, a back beat laid down by a rhythm section of electric bass guitar and drums, and keyboard instruments such as Hammond organ, piano, or, since the 1970s, synthesizers. Along with the guitar or keyboards, saxophone and blues-style harmonica are sometimes used as soloing instruments. In its "purest form", it "has three chords, a strong, insistent back beat, and a catchy melody."[1]

In the late 1960s and early 1970s, rock music developed different subgenres. When it was blended with folk music it created folk rock, with blues to create blues-rock and with jazz, to create jazz-rock fusion. In the 1970s, rock incorporated influences from soul, funk, and Latin music. Also in the 1970s, rock developed a number of subgenres, such as soft rock, glam rock, heavy metal, hard rock, progressive rock, and punk rock. Rock subgenres that emerged in the 1980s included new wave, hardcore punk and alternative rock. In the 1990s, rock subgenres included grunge, Britpop, indie rock, and nu metal.

A group of musicians specializing in rock music is called a rock band or rock group. Many rock groups consist of an electric guitarist, lead singer, bass guitarist, and a drummer, forming a quartet. Some groups omit one or more of these roles or utilize a lead singer who plays an instrument while singing, sometimes forming a trio or duo; others include additional musicians such as one or two rhythm guitarists or a keyboardist. Rock bands from some genres, particularly those related to rock's foundations in rock and roll, include a saxophone. More rarely, groups also utilize bowed stringed instruments such as violins or cellos, and brass instruments such as trumpets or trombones.

More recently the term rock has been used as a blanket term including forms such as pop music, reggae music, soul music, and sometimes even hip hop, with which it has often been contrasted through much of its history.[2]

วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

cake

Cake is a form of food, typically a sweet, baked dessert. Cakes normally contain a combination of flour, sugar, eggs, and butter or oil, with some varieties also requiring liquid (typically milk or water) and leavening agents (such as yeast or baking powder). Flavorful ingredients like fruit purées, nuts or extracts are often added, and numerous substitutions for the primary ingredients are possible. Cakes are often filled with fruit preserves or dessert sauces (like pastry cream), iced with buttercream or other icings, and decorated with marzipan, piped borders or candied fruit.

Cake is often the dessert of choice for meals at ceremonial occasions, particularly weddings, anniversaries, and birthdays. There are countless cake recipes; some are bread-like, some rich and elaborate and many are centuries old. Cake making is no longer a complicated procedure; while at one time considerable labor went into cake making (particularly the whisking of egg foams), baking equipment and directions have been simplified that even the most amateur cook may bake a cake

วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553

หัวหอมใหญ่(Onion)

หอมหัวใหญ่ แชลลอต (shallot) ลีค (leek) ไชฟ์ (chive) หอมแดง (scallion) และกระเทียมเป็นตัวอย่างพืชในสกุล Allium ที่มีสมาชิกอยู่ประมาณ 500 ชนิด หัวหอมใหญ่ (Allium cepa L.) เป็นผักที่ใช้กันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งเป็นที่รู้จักตั้งแต่สมัยกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราชและใช้เป็นอาหารของชาวยิว (Israelites) ที่ตกเป็นทาสแก่อียิปต์...ด้วย เหตุผลที่ดีคือหัวหอมใหญ่อุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ รวมถึงวิตามิน B,CและG,โปรตีน,แป้ง,และแร่ธาตุที่จำเป็นต่างๆ มีรายงานว่าสารเคมีที่อยู่ในหัวหอมใหญ่มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของแบคทีเรียและเชื้อรา ป้องกันโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร ลำไส้ และผิวหนัง ป้องกันการอักเสบ โรคภูมิแพ้ หืดหอบ และโรคเบาหวาน และช่วยรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจผิดปกติ (cadiovascular disorder) รวมถึงภาวะความดันสูง ภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูง และภาวะไขมันอุดตัน (hyperlipidemia?) และยังช่วยยับยั้งการตกตะกอนของเกล็ดเลือด ซึ่งใครที่กำลังจะลดน้ำหนักอยู่นั้นหัวหอมใหญ่จะช่วยได้อีกด้วยโดยจะช่วยในเรื่องการลดน้ำตาลในเลือด

La pomme





La pomme de terre, ou patate (langage familier, canadianisme et français régional), est un tubercule comestible produit par l'espèce Solanum tuberosum, appartenant à la famille des solanacées. Le terme désigne également la plante elle-même, plante herbacée, vivace par ses tubercules en l'absence de gel mais cultivée comme une plante annuelle.

La pomme de terre est originaire de la cordillère des Andes dans le sud-ouest de l'Amérique du Sud où son utilisation remonte à environ 8 000 ans. Introduite en Europe vers la fin du XVIe siècle à la suite de la découverte de l’Amérique par les conquistadors espagnols, elle est aujourd’hui cultivée dans plus de 150 pays sous pratiquement toutes les latitudes habitées.

C'est une source importante de glucides, qui se présentent principalement sous forme de fécule[N 1], mais aussi de protéines et de vitamines. Ses qualités nutritives et sa facilité de culture font qu’elle est devenue l'un des aliments de base de l’humanité, figurant parmi les légumes et féculents les plus consommés. C’est aussi la culture alimentaire la plus productive, produisant plus de matière sèche à l’hectare que les céréales et que toute autre plante cultivée, à l’exception de la canne à sucre. La pomme de terre reste sous-utilisée dans certains pays du Tiers-Monde, notamment en Afrique sub-saharienne, mais globalement sa consommation progresse dans les pays en développement, tandis que dans les pays développés elle tend à diminuer, basculant de plus en plus vers des formes transformées (produits appertisés, déshydratés ou surgelés).

La fécule de pomme de terre a donné naissance à une industrie de transformation aux multiples débouchés dans les secteurs agro-alimentaire, cosmétique, pharmaceutique et industriel.

Compte tenu de son importance économique, de nombreuses études scientifiques sur la pomme de terre et les espèces apparentées, notamment dans le domaine de la génétique, sont menées par des institutions publiques ou privées de différents pays, coordonnées au niveau mondial, entre autres, par le centre international de la pomme de terre.


วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

แนะนำ

Bangkok Fashion & Clothing
The Fashion Scene
Bangkok has long shed its reputation for merely offering bargain clothing and fake merchandise or apparel at the city's numerous markets and street vendors. The Thai capital has emerged as a truly hip fashion hub in Asia, setting new parameters for the trendy and style-savvy, and everybody else who wants to sport the latest and greatest.
The talents of young, up-and-coming designers are being nurtured and their collections can be found along with those from top international couturiers and fashion houses at most of the city's upmarket malls and prime shopping areas. From either zany or chic avant garde to minimalistic Zen...
The twice-annual Bangkok Fashion Week and numerous trade fairs held throughout the year have helped significantly to raise the style bar and, along with fine, value-for-money workmanship and beautiful textiles like pure silk and cotton in abundance, the stage has been set to be fabulously in vogue.









Good Buys, Deals & Steals
While upmarket malls and surrounding shopping areas like
Siam Square and certain sections of Sukhumvit Road are host to top local and international labels - and at prices that vary from reasonable to outrageous - great bargains can still be found at many markets, the Pratunam area and, of course, shopping venues like MBK Centre and Platinum Fashion Mall. This is also where you'd want to browse for fashion accessories like shoes, bags, belts and costume jewellery.
For vintage and second-hand clothing, currently all the rage, head straight to
Chatuchak where you can find anything from a pair of original Jimmy Choo shoes (if you look hard enough) to retro track suits, bags and a fabulous faux fur straight from grandmother's closet. And, of course, everything in between; vintage jeans, collectors' T-shirts and even some authentic camouflage street-wear. Chatuchak, like most markets in Thailand, is also the right place to shop for fakes, rip-offs and merchandise from either questionable origin or dubious authenticity.
Whether you're looking for a comfortable shirt or hunting down a must-have trendy item to make a fashion statement or dazzle your date, you won't be let down in Bangkok. Don't despair if small Asian sizes prove to be a bit of a squeeze; the city's tailors are known for fast turnaround times, affordability and quality work. And then there's plus-size clothing of course that caters for, well, 'larger' Western frames. Have a look at the sections below to acquaint yourself with what the fashion capital of Asia has to offer.
Shoes & Handbags:
For the best bargain deals, head to local markets such as Khlong San or Major Ratchoyothin, the popular
Chatuchak Weekend Market, wholesale markets around Pratunam like Baiyoke Mall and Indra Mall, or affordable shopping malls like MBK Centre and Platinum Fashion Mall. If you're into fine-crafted and imported brands, luxurious shopping malls such as Siam Paragon, The Emporium and Gaysorn would be your best bet. However, most up-and-coming local designers usually set up shop around Siam Square, directly across from Siam Center.
Designer Labels
Top-end local and international brands can be found at any of the major
shopping malls around the city, especially Siam Discovery, Siam Center, Siam Paragon, The Emporium, CentralWorld, and Gaysorn Plaza. If you're hunting down an only-in-Bangkok label, your first stop should be the small boutiques around Siam Square. Look out for the JASPAL and DOMON labels, both of which are exclusively Thai, great quality and value for money (and represented in many malls).
Bargain and Wholesale Clothing
Good buys, deals and steals are abundant in the City of Angels, although the cream of the bargaining crop are found at
local markets and wholesale markets. For all kinds of bargain clothing, Bo Bae near the National Stadium BTS station and the markets in the Pratunam area have the best deals. Don't forget popular markets like Chatuchak Weekend Market and Suan Lum Night Bazaar. For Thai and Asian items such as sarongs, batiks, and fisherman pants, the markets in Pratunam is a good option too. The infamous Khao San Road has a decent selection of all the aforementioned, but prices are slightly higher.
Plus-size clothing
Bangkok has several stores that specialise in plus-size clothing for big boys. Head to
MBK Centre (sixth floor) or Silom Centre (second floor) - or any of the Central department stores.

Fashion Guide
Bangkok is a true treasure trove when it comes to fashion. Chanel, Gucci, Louis Vuitton, D&G, Hugo Boss, Christian Dior and other world-class labels are housed by Bangkok's upscale shopping malls like Siam Paragon,
The Emporium, and Gaysorn Plaza. For those with limited financial resources, fret not. Bangkok also offers unending supply of quality and inexpensive clothes virtually everywhere, be that in malls, small sois, local markets and even on the streets! Read more...

วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

สำหรับผู้หญิง

ผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพ 7 ชนิด (สำหรับผู้หญิง)
เพื่อสุขภาพพลานามัยที่ดีของคุณสาว ๆ ขอแนะนำผักผลไม้ 7 ชนิด สำหรับคุณผู้หญิงที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีสารที่เป็นประโยชน์แก่หญิงทุกวัย ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งงดงาม และยังช่วยชะลอความชราได้อีกด้วย ดังนี้



ลูกพรุน Prunes
ลูกพรุน เป็นแหล่งที่ดีของโปแตสเซียม เหล็กและไฟเบอร์ ที่สำคัญพรุนช่วยทำให้ผิวพรรณมีเลือดฝาด พรุนเป็นแหล่งธาตุเหล็กที่ดี พรุนแห้งหนึ่งขีดมีธาตุเหล็ก 2.78 มิลลิกรัมและมีวิตามิน ซี ซึ่งช่วยในการดูดซึมธาตุต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นหากคุณผู้หญิงอยากมีร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ริมฝีปากแดงสดเหมือนสตรอเบอรี่ แก้มแดงใสเหมือนลูกเชอรี่โดยไม่ต้องใช้เครื่องสำอาง ดูเป็นคนที่มีสุขภาพดีสมบูรณ์ด้วยเลือดฝาด


ถั่ว

ผู้หญิงทุกคนอยากมีหุ่นสวยเพรียว ไม่มีไขมันส่วนเกินสะสม “ถั่วช่วยคุณได้ค่ะ” ถั่วเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน เหล็ก วิตามินบี นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังค้นพบว่าเมื่อคุณรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ (ซึ่งถั่วมีอยู่แล้วมากมาย)ไฟเบอร์จะเคลือบผิวกระเพาะทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่ม - นานความอยากอาหารจะลดลง ซึ่งแน่นอนว่ามีประโยชน์กับคุณสุภาพสตรีที่ต้องการลดความอ้วนเป็นอย่างมาก

บรอคโคลี่

เป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคุณสุภาพสตรีทั้งหลาย เพราะบรอค - โคลี่เป็นแหล่งซีลีเนียมตามธรรมชาติซึ่งเจ้าตัวซีลีเนียมนี้ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ (ซีลี - เนียมจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง จึงทำให้ผิวดูอ่อนวัยนุ่มนิ่ม มีน้ำมีนวลเหมือนหนุ่มสาว) แถมยังช่วยลบริ้วรอยเหี่ยวย่นอีกด้วย

กล้วยไข่

กล้วยทุกชนิด ดีต่อสุขภาพแต่กล้วยไข่ดีเป็นพิเศษ ในเรื่องของสารต้านอนุมูลอิสระที่เรารู้จักกันดี คือ เบต้าแคโรทีน โดยธรรมชาติ เมื่อเราอายุพ้นยี่สิบสองไปแล้วความเจริญเติบโตของร่างกายจะเริ่มหยุดชะงัก ความเสื่อมในส่วนต่างๆ ของร่างกายก็จะเริ่มมาเยือนอย่างช้าๆ

ฝรั่ง

ฝรั่ง 1 ขีดมีวิตามินซีสูงถึง180 มิลลิกรัม วิตามินซีมีบทบาทในการสร้างคอลลาเจนที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณเต่งตึงไม่แก่ก่อนวัยวิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเจ้าตัวสารต้านอนุมูลอิสระนี้เองที่ทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินเสื่อมสภาพผิวหนังแห้งเหี่ยว เกิดริ้วรอยตีนกาวิตามินซี มีความสำคัญต่อการสร้าง และบำรุงเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (ConnectiveTissue) เซลล์นับล้านๆ ตัวเกาะเกี่ยวกันเป็นร่างกายได้ด้วยเนื้อเยื่อที่เรียกว่า คอลลาเจนมันคือคอลลาเจนตัวเดียวกันกับคอลลาเจนที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณผู้หญิงทั้งหลายเต่งตึงนั่นเอง และเพราะฝรั่งอุดมไปด้วยวิตามินซีนั่นเอง คุณ ๆ ทั้งหลายที่อยากคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวให้แก่ผิวสวยไว้นานๆ น่าจะลองหันมารับประทานฝรั่งเป็นประจำ


แอปเปิ้ล

มีสารสำคัญ คือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่ชื่อ "เพคติน" แต่ที่น่าสนใจ สำคัญคุณผู้หญิงทั้งหลายคือ เจ้าตัว "เพคติน" นี้มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนัก และลดโคเลสเตอรอล หากคุณหิวจนตาลาย แต่ยังไม่ถึงเวลาอาหารแอปเปิ้ลสักลูกจะช่วยลดความหิวได้ เพราะแอปเปิ้ลมีแป้ง และน้ำตาลในรูปของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวถึง 75 % ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมน้ำตาลพิเศษชนิดนี้ได้รวดเร็วและนำไปใช้ประโยชน์ได้ ในเวลาไม่เกิน 10 นาที

ส้ม

แหล่งวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยธรรมชาติ การรับประทานส้มโดยไม่คายกากจะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็ว เป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักได้อย่างดีทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ หากรู้สึกหิวก่อนเวลา แทนที่จะนึกถึงเค้กก้อนโต หรือโดนัทชิ้นใหญ่ให้ลองหยิบส้มสักลูกเข้าปากแทนจะได้ประโยชน์มากกว่าในราคาที่ถูกกว่าด้วย

ผักและผลไม้ทั้ง 7 ชนิดที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้น สำหรับคุณๆ ผู้หญิงทุกท่านที่ต้องการรักษาสุขภาพ นอกจากผักผลไม้ทั้งเจ็ดนี้แล้วผักและผลไม้อื่นๆ ก็มีคุณประโยชน์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันสถาบันโภชนาการแห่งชาติอเมริกาจึงได้แนะนำขนาดในการรับประทานผักผลไม้ในแต่ละวันว่า ควรจะรับประทานรวมกันให้ได้วันละครึ่งกิโล หรือ 5 ขีดจะช่วยให้คุณๆ ทั้งหลายมีสุขภาพแข็งแรง แจ่มใส ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บมารบกวน