วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Proverbs

"The best time to make friends is before you need them."
*Unknown*
"เวลาที่ดีที่สุดที่จะมีเพื่อนคือก่อนที่เราต้องการ"

"Good is not good, where better is expected."
*Thomas Fuller*
"สิ่งที่ดีอาจจะไม่ดีถ้าคาดหวังหาอะไรที่ดีกว่า"

"Opportunities multiply as they are seized; they die when neglected.
Life is a long line of opportunities."
*John Wicker*
"โอกาสจะเพิ่มขึ้นเมื่อเราจับมันไว้ แต่หายไปถ้าเราไม่สนใจ ชีวิตคือโอกาสหลายๆ อย่างรวมกัน "

"Hating people is like burning down your own house to get rid of a rat."
*Harry Emerson Fosdick*
"การเกลียดชังเหมือนกับการเผาบ้านตัวเองเพื่อที่จะไล่หนูตัวเดียว "

"To conquer fear is the beginning of wisdom."
*Bertrand Russell*
"การเอาชนะความกลัวได้คือจุดเริ่มต้นของความเป็นหปราชญ์"

"Worry often gives a small thing a big shadow."
*Swedish Proverb*
"การกังวลทําให้สิ่งเล็กๆมีเงาใหญ่"

"To cure jealousy is to see it for what it is, a dissatisfaction with self."
*Joan Didion*
"วิธีที่จะรักษาความอิจฉาริษยาคือให้เข้าใจว่าจริงๆแล้ว
มันคือการไม่พอใจในสิ่งที่ตนเป็นอยู่ "

"A winner never quits, and a quitter never wins."
*Anonymous*
"ผู้ชนะไม่มีวันยอมแพ้ ผู้ใดที่ชอบยอมแพ้จะไม่มีวันชนะ "

"The best mind-altering drug is truth."
*Lily Tomlin*
"ยาที่ทําให้คนเปลี่ยนความคิดได้ดีที่สุดคือความจริง"

"Good friends are good for your health. ."
*Irwin Sarason*
"เพื่อนที่ดีนั้นดีต่อสุขภาพ"

"Your friend is the person who knows all about you, and still likes you."
*Elbert Hubbard*
"เพื่อนคือคนที่รู้ทุกเรื่องของคุณ และก็ยังชอบคุณอยู่ "

"If you don't stand for something, you'll fall for anything."
*Michael Evans*
"ถ้าคุณไม่ยึดมั่นในอะไรเลย คุณจะหลงเชื่อทุกอย่าง "

"Life is like a game of cards. The hand that is dealt you represents
determinism; the way you play is free will."
*Jawaharlal Nehru*
"ชีวิตก็เหมือนกับการเล่นไพ่ ไพ่ที่เราได้รับนั้นเหมือนสิ่งต่างๆในชีวิตที่ถูกกําหนดมาแล้ว แต่วิธีที่เราเล่นก็เหมือนการที่เราสามารถทางเดินของเราได้เอง"

"Be not afraid of growing slowly, be afraid only of standing still."
*Chinese Proverb*
"จงอย่ากลัวการเติบโตอย่างล่าช้า แต่จงกลัวการหยุดนิ่ง "

"It is necessary to surpass oneself always;
this occupation ought last as long as life."
*Queen Christina of Sweden*
"เป็นสิ่งจําเป็นที่จะต้องพัฒนาตนให้ดีขึ้น หน้าที่นี้ควรที่จะเป็นอะไรที่เราทําไปชั่วชีวิต "

Worry is like a rocking chair - it gives you something to do
but it doesn't get you anywhere."
*Dorothy Galyean*
"การกังวลนั้นเหมือนเก้าอี้โยก มันให้คุณมีอะไรทําไปเรื่อยๆแต่ไม่ได้พาคุณไปไหนเลย "

"Knowing others is intelligence; knowing yourself is true wisdom.
Mastering others is strength, mastering yourself is true power."
* Lao-Tze*
"รู้จักผู้อื่นคือความฉลาด รู้จักตนเองคือความเชาวน์ปัญญาที่แท้จริง
ควบคุมคนอื่นได้คือพลัง ควบคุมตัวเองคืออํานาจที่แท้จริง "

"Kindness in words creates confidence, kindness in thinking creates profoundness,
kinding is feeling creates love."
* Lao-Tze*
"เมตตากรุณาในคําพูดสร้างความมั่นใจ เมตตากรุณาในความคิดสร้างความคิดอย่างลึกซึ้ง เมตตากรุณาในความรู้สึกสร้างความรัก "

"Tact is the art of making your point without making an enemy."
*Howard W. Newton*
"การรู้จักกาละเทศะคือการออกความเห็นโดยไม่สร้างศัตรู"

"The proverb warns that, 'You should not bite the hand that feeds you.
' But maybe you should, if it prevents you from feeding yourself."
*Thomas Szaz*
"มีภาษิตที่เตือนว่า 'จงอย่ากัดมือที่ป้อนเรา' แต่บางทีอาจจําเป็นถ้ามือนั้นห้ามให้เราป้อนตัวเอง"

"People are about as happy as they make up their minds to be."
*Abraham Lincoln*
"คนเรามีความสุขเท่าที่เราตั้งใจที่จะมีความสุข"

"You may deceived if you trust too much,
but you will live in torment if you don't trust enough."
*Frank Crane*
"คุณอาจจะถูกหลอกถ้าไว้ใจใครมากไป แต่คุณจะอยู่อย่างทรมานถ้าคุณไม่ไว้ใจให้พอ "

"You don't love a woman because she is beautiful,
but she is beautiful because you love her."
*Unknown*
"คุณไม่ได้รักผู้หญิงเพราะเธอสวยหรอก แต่เป็นเพราะคุณรักเธอ เธอจึงสวย "

"A tree as big as round as you can reach starts with a small seed;
a thousand-mile journey starts with one step."
*Lao Tze*
"ต้นไม้ที่ใหญ่เท่าที่เราสามารถเอื้อมกอดได้เริ่มด้วยเมล็ดเล็กๆ
การเดินทางที่ยาวเป็นพันไมล์เริ่มด้วยก้าวหนึ่งก้าว"

"Please don't lie to me, unless you're absolutely sure
I'll never find out the truth."
*Ashleigh Brilliant*
"ได้โปรดอย่าโกหกฉัน นอกจากว่าเธอจะมั่นใจว่าฉันจะไม่มีวันรู้ความจริง

"Words - so innocent and powerless as they are,as standing in a dictionary,
how potent for good and evil
they become in the hands of one who knows how to combine them."
*Nathaniel Hawthorne*
"คําพูด - ช่างไร้เดียงสาและไร้อํานาจเมื่ออยู่ในพจนานุกรม
และช่างมีอํานาจยิ่งใหญ่ทั้งในความดีและชั่ว เมื่อมันอยู่ในมือของผู้ที่รู้จักการรวมคํามาประกอบกัน "

No really great man ever thought himself so."
*William Hazlitt*
"ผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริงไม่เคยคิดว่าตัวเองนั้นเป็นเช่นนั้น "

"Wise men talk because they have something to say;
fools,because they have to say something."
*Plato*
"คนฉลาดนั้นพูดเพราะมีอะไรที่จะพูด คนโง่พูดเพราะจะต้องพูดอะไรสักอย่าง "

วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554

มหาภัยพิบัติล้างโลกน้ำท่วมโลก 2555

มหาภัยพิบัติล้างโลกน้ำท่วมโลก 2555



กล่าวขานกันอย่างหนาหูถึงวันโลกแตก วาระสุดท้ายของโลก, วันพระเจ้าพิพากษาโทษมนุษย์ ไปจนถึงวันสิ้นเผ่าพันธุ์มนุษย์ซึ่งกล่าวไปแล้ว แม้เรียกขานต่างกันแต่มีความหมายเดียวกัน

นั่นคือโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาคหรือเปลือกโลก ครั้งใหญ่อีกครั้ง ซึ่งไม่มีใครสามารถตอบ ได้ชัดเจนว่าในอดีตเกิดกี่ครั้งแล้ว แต่ครั้งล่าสุด นักวิทยาศาสตร์ ผู้นำศาสนา และโหรหลายสำนัก คิด และพูดตรงกันว่า กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้

วาระสุดท้ายของโลกสำหรับการเปลี่ยนแปลงเปลือกโลกครั้งใหญ่ ครั้งล่าสุดนี้ นักวิทยาศาสตร์และ นักพยากรณ์พูดตรงกันอีกว่า ไม่ถึงขั้น โลก แตกเป็นผุยผงแต่หมายถึงอาจเกิด มหาภัยพิบัติธรรมชาติครั้งร้ายแรง ในรอบหลายพันปีหรือหมื่นปีซึ่งมีผล ทำให้สิ่งมีชีวิต บนโลกมนุษย์สัตว์และพืช กว่าครึ่งล้มตายไป และอาจทำให้เทคโนโลยี ที่มนุษย์สร้างขึ้นถึงยุคนาโนเทคโนโลยี อาจสูญหายมลายไปเกือบหมด

มหาภัยพิบัติที่หลายฝ่ายพากัน กล่าวขานถึงมากที่สุดในเวลานี้มีอยู่ 3 เหตุการณ์ ได้แก่น้ำท่วมโลก ภูเขาไฟระดับซูเปอร์ภูเขาไฟระเบิดพร้อมกัน และพายุสุริยะจากดวงอาทิตย์ใน สภาพไฟประลัยกัลป์ล้างโลก

ทั้ง 3 มหาภัยพิบัติล้างโลก เกี่ยวข้องกันเหมือนปฏิกริยาลูกโซ่ เป็นโซลาห์แฟลร์ หรือเปลวสุริยะแผ่มาถึงโลกในขณะที่โลกสูญเสียพลังสนามแม่เหล็กโลกไปเนื่อง จากแกนโลกเอียงซึ่งเกิดจาก ภูเขาไฟระเบิดเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่

ความร้อนแรงจากเปลวสุริยะ ที่แผ่มายังโลก โดยฉับพลันทันทีโดย ไม่มีพลังสนามแม่เหล็กปกป้องโลกนั้น สามารถทำให้น้ำแข็งขั้วโลกเหนือและ ใต้ละลายอย่างฉบับพลันทันที เกิดน้ำ ท่วมโลกชั่วข้ามคืนเดียว

จนถึงขณะนี้ทุกข้อมูลที่ได้มีการรวบรวมเอาไว้ทำให้นักวิทยาศาสตร์ ชี้ตรงมาที่มหาภัยพิบัติล้างโลกน่าจะเกิดจากน้ำท่วมโลกมากกว่ามหาภัยพิบัติอื่น ๆ

ทุกวัฒนธรรมทุกความเชื่อในโลกต่างตระหนักว่าการเกิดมหาภัย พิบัติถึงขนาดพลิกฟ้าถล่มดิน หรือน้ำท่วม ใหญ่ระดับ “น้ำท่วมถึงฟ้าปลากินดาว” นั้นมักเกิดลางสังหรณ์ลางบอกเหตุก่อน เสมอ

จากปฏิทินหินของชาวมายา ได้กำหนดไว้ เมื่อ 5,000 ปีก่อนว่า วาระสุดท้ายของโลกในยุคนี้ จะหยุดลง ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ.2012 หรือ พ.ศ.2555

ก่อนหน้าโลกจะถึงวาระสุดท้าย ตามปฏิทินชาวมายาโบราณนักวิทยา ศาสตร์ยุคใหม่หลายชาติ ได้สรุป ตรงกันว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในปลายปี ค.ศ. 2012 ก่อนหน้าอย่างน้อย 1 หรือ 2 ปี ต้องมีลางบอกเหตุ ปรากฏขึ้นมาก่อน

มาบัดนี้ลางบอกเหตุร้ายวาระสุดท้ายของโลกได้ปรากฏออกมาแล้ว ตั้งแต่ต้นปี ค.ศ.2011 นับแต่เดือน มกราคมเป็นต้นมาเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ภูเขาไฟหินระเบิด น้ำท่วม ครั้งใหญ่ ไปจนถึงความผิดปกติของฤดูกาล ซึ่งหากนำความสูญเสียความเดือดร้อน ผู้คนได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติดังกล่าวนี้ใน รอบ 10 ปีที่ผ่านมา มีถึง 2,600 ล้านคน เปรียบเทียบกับ 10 ปีก่อนหน้า มากกว่าถึง 1,000 ล้านคน

จึงน่าสรุปได้ว่าลางบอกเหตุโลกถึงวาระสุดท้าย ธรมชาติได้เตือนภัย มนุษย์ถี่ขึ้นตามลำดับ

ขอรวบรวมมหาภัยพิบัติ ธรรมชาติเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี ค.ศ. 2011 หรือ พ.ศ.2554 ที่เกิดขึ้นแล้วมีดังนี้

5 มกราคม เกิดแผ่นดินไหว ระดับ 5.3 ริกเตอร์ ทางตอนใต้จังหวัดฟาร์สประเทศ อิหร่าน มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ 16 คน หมู่บ้าน 17 แห่ง พังพินาศกลางเดือน มกราคม เกิดน้ำท่วมใหญ่ที่เมืองเจดหาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ทำให้เสียชีวิต 13 คน
สูญหาย 3 คน อาคารบ้านเรือน 27,000 หลังเสียหาย พื้นที่ถนนเมือง เจดดาห์ 90% ถูกน้ำท่วมทั้งที่ ซาอุฯ เป็น ประเทศอยู่ในทะเลทรายมูลค่าความ เสียหาย 282,000ล้านบาท

ช่วงระหว่างปลายเดือน มกราคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์เกิดน้ำท่วมใหญ่ ทางภาคตะวันออก และภาคเหนือ ประเทศศรีลังกา มีผู้เสียชีวิต 50 คน ประชาชนกว่าล้านคนเดือดร้อน ชาวศรีลังกา 5% ของจำนวนประชากร ทั้งหมดไร้ที่อยู่ มูลค่าความเสียหาย 8,130 ล้านบาท

22 กุมภาพันธ์ เกิดแผ่นดินไหว ระดับ 6.3 ริกเตอร์ที่เมืองไครสต์เชิร์ซ ประเทศออสเตรเลีย มีผุ้เสียชีวิต 182 คน บาดเจ็บกว่า 200 คน อาคาร 1 ใน 3 ที่เมือง ไครสต์ เชิร์ช พังพินาศ บ้านเรือนกว่าหมื่น หลังต้องสร้างใหม่ มูลค่าความเสียหาย 330,000 ล้านบาท

ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ เกิดฝนตก หนัก ที่จังหวัดวิซายาสะจังหวัดไปโคล และจังหวัดคารากา ทางตะวันออกประเทศ ฟิลิปปินส์ เกิดน้ำท่วมใหญ่ มีผู้เสียชีวิต 75 คน พื้นเกษตรกรรม เกือบทั้งหมด เสียหายเป็นมูลค่ากว่า 1,380 ล้านบาท น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ เกิดขึ้นในฤดูหนาวของ ชาวตากาล็อค

10 มีนาคม เกิดแผ่นดินไหวระดับ 5.8 ริกเตอร์ ที่เมืองหยิงเจียง มณฑลยูน นาน มีผู้เสียชีวิต 26 คน บาดเจ็บกว่า 300 คน ผลผลิตจากถ่านหินเสียหายไป 15 % รวมเป็นมูลค่าความเสียหาย 282, 000 ล้านบาท

11 มีนาคม เกิดเหตุธรณีพิโรธ ครั้งใหญ่ที่สุดในโลกระดับ 9.0 ริกเตอร์ ที่ชายฝั่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ สูงถึง 40 เมตร กวาดล้างถล่มทะลาย บ้านเมืองโรงงาน พังพินาส ยับเยิน คนตาย อย่างน้อย 13,000 คน สูญหายกว่า 15,000 คน มูลค่าเสียหาย นับเป็นสถิติสูงที่สุดนับแต่เกิดภัยพิบัติธรรมชาติขึ้นมากว่า 9,300 ล้านล้านบาท คิดเป็น 6% ของจีดีพี. ของประเทศญี่ปุ่น (หมายถึงว่าหากปีใดการ พัฒนาเศรษฐกิจญี่ปุ่นโต 6% ปีนั้นมี ค่าเท่ากับศูนย์)

24 มีนาคม เกิดแผ่นดินไหวระดับ 6.8 ริกเตอร์ ที่รัฐฉานทางตะวันออก เฉียงหนือ ของประเทศพม่า มีผู้เสียชีวิต 74 คน บาดเจ็บอย่างน้อย 100 คน อาคาร กว่า 240 แห่งพังพินาศ

ช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้น เดือนเมษายน ซึ่งเป็นฤดูแล้งเกิดฝนตกหนัก บริเวณภาคใต้ตอนกลาง โดยเฉพาในเขตจ.นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี กระบี่ มีผู้เสียชีวิต 53 คน คนจำนวนเกือบ 2 ล้านคนได้รับความเดือดร้อน

ก่อนหน้าเมื่อปลายปี 2553 ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน จนถึงปัจจุบัน ภูเขาไฟโบโมทางตะวันออกเกาะชวา ได้ระเบิดตูมตาม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 35 คน สูญหาย 9 คน เถ้าถ่านลาวาทำลายพืชผล เกษตรกรรมมูลค่าความเสียหาย 403 ล้านบาท ทั้งหมดนี้คือลางบอกเหตุ ที่ธรรมชาติ บอกให้รู้ว่าของใหญ่กว่านี้หลายเท่ากำลังจะมา

ของใหญ่ที่ร้ายแรงกว่านี้ยิ่งขึ้น ทำลายล้างโลกทำให้คน สัตว์ พืช สูญสิ้น เผ่าพันธุ์ไปนั้น มีข่าวปรากฏตั้งแต่ 10 กว่าปีมาแล้ว นับแต่การค้นพบปฏิทินหิน ชาวมายาโบราณ และการพยากรณ์สุดท้าย ของนอสตราดามุสมาเผยแพร่ให้ระบุว่า ช่วงปี พ.ศ. 2012 ถึง 2017 หรือ พ.ศ. 2555 2560 ถึง อาจเกิดมหันตภัยพิบัติ น้ำท่วมโลกขึ้น

นักวิทยาศาสตร์พยายามค้น หาข้อมูลอ้างอิงถึงความเป็นไปได้ตามคำพยากรณ์ ได้พบข้อมูลที่น่าตื่นตะลึง 2 กรณี
1.ข้อมูล จากนักสำรวจได้เก็บข้อมูล มีหมู่เกาะ กรีนแลนด์ขั้วโลกเหนือ ซึ่งเป็นเกาะ น้ำแข็งใหญ่ที่สุดในโลก พื้นที่ 2.2 ล้าน ตร./กม. ได้พบการละลายน้ำแข็ง ที่มีปริมาณมหาศาล หรือ 19 ร้อยล้านตัน เมื่ออุณภูมิโลกสูงขึ้น 1 องศาซึ่งเกิดจาก สภาวะโลกร้อน น้ำแข็งที่ขั้วโลกเหล่านี้กำลัง ละลายกลายเป็นน้ำถึงวันละ 1 ล้านตัน โดย จะไหลลงในมหาสมุทรกระทั่งอาจทำให้ น้ำท่วมโลกในปีค.ศ. 2012ตรงตามคำทำนาย

กรณีที่ 2 เป็นกลุ่มนักวิจัยองศา ได้อ้างข้อมูลจากองค์การนาซ่าสหรัฐ อเมริกา ได้คำนวณว่าเมื่อน้ำแข็งจากขั้วโลก ละลายไหลมายัง 7มหาสมุทรทั่วโลก ศูนย์ถ่วงของโลกจะสูญเสียไปอาจทำ ให้แกนโลกถึงกับพลิกกลับขั้ว ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012

หมายความว่า ขั้วโลกเหนือ จะผลักกลับสลับ ที่กันขั้วโลกใต้ช่วงเวลา การกลับขั้วโลกนี้ ทำให้พลังสนามแม่เหล็กโลกเกิดการแปรปรวน จนกระทั่งไม่อาจเป็น เกราะ ป้องกันรังสีอันตรายต่างจากอวกาศ ได้เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะเรียงตัวได้ใหม่

ในวันที่ 21 ธันวาคม 2012 จึงเป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์แผ่นเปลวสุริยะ ที่มีความร้อนแรงสูงไปยังสุริยะจักรวาล ทุกทิศบางบางส่วนแผ่ตรามายังโลก ไปยังสุริยะจักรวาลทุกทิศบางบาง ส่วนแผ่ตรงมายังโลกซึ่งเป็นดาวบริวาร ลำดับที่ 3 ห่างจากดวงอาทิตย์ 93ล้านไมล์

ช่วงเวลาดังกล่าวนี้โลก อยู่ในช่วงไม่มี พลังสนามแม่เหล็กไว้ป้อง กันตัวเอง ทำให้รังสีจาก ดวงอาทิตย์พุ่งมายังโลกได้อย่างเต็ม ๆ หายนะที่คาดว่าจะเกิดขึ้นคือน้ำแข็ง จากขั้วโลก เหนือและใต้ละลายอย่าง ฉับพลันน้ำปริมาณมหาศาลก่อตัวเป็นระลอกสูง หรือสึนามิ แผ่ขยายไปทั่วโลก

ได้มีการอ้างถึงผลงานวิจัยจาก ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ผู้คาดหมายเกิด สึนามิ ที่ทะเลอันดามันเมื่อปี 2006 ปัจจุบันเป็นประธานกรรมการอำนวยการ ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ได้ทำนายว่า กรุงเทพฯทั้งหมดจะจมอยู่ใต้ทะเลใน ปี ค.ศ. 2015

สอดคล้องกับการวิจัย ของดร.องอาจ ชุมสาย ณ อยุธยา นักวิทยาศาสตร์ องค์กร ของไทยผู้ได้ร่วมงานกับองค์การ นาซ่าที่เป็นผู้คิดค้นระบบการลงจอด ยานอวกาศบนดาวอังคารได้พยากรณ์ ว่าโลกจะเกิดมหันตภัยพิบัติครั้งใหญ่ในปี 2017 ในคำภีร์ไบเบิลของชาวคริสกล่าว ถึงมหันตภัยน้ำท่วมโลกยุคโนอาห์เอาไว้ แผ่นดินถูกน้ำท่วมเกือบทั้งหมดเหลืออยู่ไม่กี่แห่ง ที่โผล่เหนือน้ำ เพียงพอให้โนอาห์นำ เรืออาร์คไปจอดได้ มีบันทึกว่าวันที่เกิดน้ำ ท่วมโลก นั้นเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ สูง ถึง 3 ไมล์ หรือ 5 กม. เท่ากับ 5,000 เมตรหรือ สูงเท่ากับตึกสูง 1428 ชั้น

สำหรับในเมืองไทยอยู่ในตำแหน่งพื้นที่สูงหากเกิดน้ำท่วมโลกน้ำทะเล จะท่วมภาคใต้ภาคกลางจมทั้งหมด โดยมีระดับน้ำท่วม 4-8 เมตร หรือ ระดับตึก 2 ชั้น

จากความเชื่อนี้แสดงว่าพื้นที่ประเทศไทยต่ำกว่าจ.สระบุรีลงมา จมน้ำทั้งหมดเหลือประเทศไทย อยู่เฉพาะภาคเหนือภาคอีสานเหนือ อีสานใต้ บางจังหวัดก็จม น้ำเช่นกัน

จากเว็บไวต์พลังจิตดอทคอมซึ่งเป็นศูนย์รวมนักวิชาการผู้สนใจการศึกษา วิจัยเรื่องพลังจิตได้โพสต์ข้อความไว้ว่า..จากการเกิดแผ่นดินไหวทั่วโลกและภาวะ อากาศหนาวในหน้าร้อนฝนตกหนัก ภาคใต้ในฤดูแล้งเมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา บอกให้รู้ว่าภูมิอากาศเกิด การแปรปรวนอย่างหนัก อาจเป็นรางบอก เหตุเตือนภัยน้ำท่วมโลกจากธรรมชาติก็เป็นได้

ขณะเดียวกันมีรายงาน ล่าสุดจาก นักวิทยาศาสตร์อวกาศซึ่งเคยทำงาน กับองค์การนาซา ได้เปิดเผยเมื่อเร็ว ๆนี้ ว่าโลกร้อนขึ้นเนื่องจาก ก๊าซคาร์บอนไดร์ คำนวณแล้วว่าหากเกิดน้ำท่วมโลกขึ้นจริงคงไม่รุนแรง เหมือนโนอาห์คลื่นยักษ์เกิดในทะเล อาจสูงแค่ 500 เมตร ซึ่งอาจทำให้ผู้คน อยู่บนภูเขาสูง ทลายแห่งรอดชีวิตได้

ข่าวล่าสุดคณะนักวิทยา ศาสตร์เชื่อว่าเกิดน้ำท่วมโลกจริง ได้เตรียมผลิตอาหารสำเร็จรูปเป็น อาหารแคปซูลมีขนาดเท่าแท่งช็อคโกแล็ต คนเรากินชิ้นเดียวอิ่มไปทั้งวัน

ผู้รู้ในเมืองไทย ซึ่งไม่ประสงค์ ออกนาม บอกผ่านมายังแปลกทะลุโลกว่า หากผู้ใดเชื่อเกิดน้ำท่วมโลกก็จงเตรียม ตัวเตรียมใจไว้บ้างเช่นเตรียมหาสถาน ที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 500 เมตร เป็นที่หนีภัยน้ำท่วม พร้อมอุปกรณ์และ อาหารยังชีพ สำหรับกินอยู่ 3 เดือน ก็จะอยู่รอดปลอดภัยไม่สูญพันธุ์ไปจากโลก เหมือนสิ่งมีชีวิตยุคโนอาห์

อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ คือคำทำนายคำพยากรณ์โดยใช้ข้อมูล ทางวิทยาศาสตร์มาอ้างอิงดังนั้นขอ ให้ผู้อ่านแปลกทะลุโลกอย่าตื่นตระหนกเหมือนกระต่ายตื่นตูมเชื่อครึ่งหนึ่ง ไม่เชื่อครึ่งหนึ่งก็น่าจะชิลๆแล้วกระมัง

วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

10 อันดับรถที่แพงที่สุดในโลก


No.10 is The Aston Martin V12 Vanquish ราคาอยู่ที่ประมาณ $255,000 หรือประมาณ 8,925,000฿

The Aston Martin V12 Vanquish is a supercar manufactured by Aston Martin since 2001. It rose to fame after being featured as the official James Bond car in Die Another Day, the twentieth James Bond film. In the film, the Vanquish has the usual Bond film embellishments, including active camouflage which rendered the vehicle virtually invisible. The Vanquish is powered by a 5.9 L (5935 cc) 48-valve 60° V12 engine, which produces 343 kW (460 hp) and 542 N•m (400 ft•lbf) of torque. It is controlled by a fly-by-wire throttle and a 6 speed 'paddle shift' or semi-automatic transmission. A special V12 Vanquish S debuted at the 2004 Paris Auto Show with the power upped to 388 kW (520 hp) and 577 N•m (426 ft•lbf).

แอสตัน มารติน V12 Vanquish เป็นรถ Super car ที่ผลิตโดยบริษัท แอสตัน มาร์ติน รถคันนี้เป็นรถของ James bond ในภาค Die another day ด้วยนะครับ เรามาดูรายละเอียดของเจ้า V12 Vanquish กันซักนิด ขุมพลังของเจ้าคันนี้คือ เครื่อง V12 ขนาด 5.9 ลิตร หรือประมาณ 5935 ซีซี แรงม้าอยูที่ 460 แรงม้า เกียร์ 6 speed ควบคุมด้วยระบบ digital



No.9 is Lamborghini Murcielago ราคาประมาณ $279,900 หรือประมาณ 9,796,500฿

The Lamborghini Murciélago is a GT and supercar automobile made by Automobili Lamborghini S.p.A. and designed by Luc Donckerwolke. It was introduced in 2002 as the successor to the Diablo. The body style is a two door, two seat coupé. The LP640 version was introduced at the Geneva Motor Show in March of 2006. It features a 6.5 L engine, now producing 640 bhp, improving performance substantially. There were also a few minor external changes, primarily to the low air intakes.


แลมโบกินี Murcielago ผลิตโดย บริษัท Automobili Lamborghini S.p.A. และออกแบบโดย Luc Donckerwolke เจ้ารถคันนี้ถูกเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2002 เป็นรถGT และ Super Car มี 2 ประตู และ 2 ที่นั่ง ส่วน ขุมพลังของเจ้านี่คือ เครื่องยนต์ 6.5 L แรงม้า 640 แรงม้า



No.8 is Rolls-Royce Phantom ราคาประมาณ $320,000 หรือประมาณ 11,200,000฿

The Rolls-Royce Phantom is a luxury saloon automobile made by Rolls-Royce Motor Cars, a BMW subsidiary. It was launched in 2003 and is the first Rolls-Royce model made under the ownership of BMW. It has a 6.8 L, 48-valve, V12 engine that produces 453 hp (338 kW) and 531 ft•lbf (720 N•m) of torque. The engine is derived from BMW's existing V12 powerplant. It is 1.63 m (63 in) tall, 1.99 m (74.8 in) wide, 5.83 m (228 in) long, and weighs 2485 kg (5478 lb). The body of the car is built on an aluminium spaceframe and the Phantom can accelerate to 60 mph (100 km/h) in 5.7 s.

โรลส ลอยด์ แฟนท่อม เป็นรถยนต์สุดหรู ที่ผลิตขึ้นโดย บริษัท Rolls-Royce Motor Cars ซึ่งตอนนี้เป็นบริษัทลูกของค่ายยักษ์ใหญ่จากเยอรมัน นั่นก็คือ BMW เจ้าแฟนท่อมคันนี้เปิดตัวในปี 2003 และถือว่าเป็นรุ่นแรกของ Rolls-Royce ที่เปิดตัวหลังจากโดน BMW เข้ามาบริหาร ขุมพลังของเจ้าแฟนท่อม คือ เครื่อง V12 6.8 ลิตร ให้แรงม้าที่ 453 แรงม้า ตัวรถทำมาจาก อลูมิเนียม อัตราเร่งที่ 0-100 kph อยู่ที่ 5.7 วินาที เห็นรูปทรงอย่างนี้แต่แรงไม่ใช่เล่น




No.7 is Maybach 62 ราคาอยู่ประมาณ $385,250 หรือประมาณ 13,483,750฿

The Maybach 57 and 62 were the first automobile models of the Maybach brand since the brand's revival by DaimlerChrysler. They are derived from the Mercedes-Benz Maybach concept car presented at the 1997 Tokyo Motorshow (which was based on the Mercedes-Benz S-Class sedan). DaimlerChrysler attempted to buy the Rolls-Royce/Bentley marque when Vickers offered the company up for sale. When this attempt failed (they were outbid by BMW and Volkswagen respectively) they introduced the Maybach as a direct challenger in 2002. Both models are variants of the same ultra-luxurious automobile. The model numbers reflect the respective lengths of the automobiles in decimetres; the 57 is more likely to be owner-driven while the longer 62 is designed with a chauffeur in mind. The engine is a Mercedes-sourced 5.5-liter twin-turbo V12, generating 550 hp.

เมย์บัคเป็นรถที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดย เมอร์ซิเดสเบนซ์ จริงๆแล้วตอนแรก เมอร์ซิเดสเบนซ์ มีความพยายามที่จะไปซื้อต่อกิจการของ Rolls-Royce Bentley แต่ไม่สามารถซื้อได้ จึงได้คิดค้นแบรนด์ของตัวเองขึ้นมา โดยเจ้าเมย์บัคถทอว่าเป็นรถระดับ Hi-class ส่วนเมย์บัค 62 เป็นรถที่ถูกพัฒนามาจาก Mercedes-Benz Maybach ที่เปิดตัวเมื่อปี 1997 ในงาน โตเกียวมอเตอร์เอกซ์โป ประเทศ ญี่ปุ่น เครื่องยนต์ของมันคือ V12 5.5 ลิตร ทวินเทอร์โบ ให้แรงม้าอยู่ที่ 550 แรงม้า





No.6 is Mercedes SLR McLaren ราคาประมาณ $455,500 หรือประมาณ 15,942,500฿

The Mercedes-Benz SLR McLaren is a sports car and supercar automobile co-developed by DaimlerChrysler and McLaren Cars. It is assembled at the McLaren Technology Centre in Woking, England. Most people presume "SLR" to stand for "Sportlich, Leicht, Rennsport" (German for "Sport; Light; Racing"). The car's base price is £300,000 or $455,500. The SLR has a supercharged 5.5 (5439cc) litre dry sumped 90 degree V8. It produces 466.8 kW at 6500rpm (626 hp) and 780 N•m (575 ft•lbf) torque at 3250 - 5000 rpm.

เมอรซิเดสเบนซ์ SLR Mclaren เป็นรถสปอรต์ที่พัฒนาโดย DaimlerChrysler และ McLaren Cars ในประเทศอังกฤษ บางคนบอกว่าคำว่า SLR นั้นย่อมาจาก "Sportlich, Leicht, Rennsport" หรือ "Sport; Light; Racing" เครื่องยนต์ของเจ้าตัวนี้เป็นเครื่อง V8 supercharged 5.5 ลิตร หรือประมาณ 5439 ซีซี ให้แรงม้าที่ 626 แรงม้า



No.5 is Porsche Carrera GT ราคาประมาณ $484,000 หรือประมาณ 16,940,000

The Porsche Carrera GT is a supercar, manufactured by Porsche of Germany. The Carrera GT is powered by an all-new 5.7 litre V10 engine producing 612 SAE horsepower (450 kW). Porsche claims it will accelerate from 0 to 100 km/h (62.5 mph) in 3.9 seconds and has a maximum speed of 330 km/h (206 mph), although road tests indicated that in actuality the car could accelerate from 0-60 in under 3.5 seconds and to 0-100 in 6.8 seconds and has a top speed of 335-340km/h (209-212.5mph).



พอช คาเรร่า จีที เป็นรถ Supercar ที่ผลิตโดย พอส ประเทศ เยอรมันนี รถคันนี้ใช้เครื่องยนต์ที่ออกแบบมาใหม่ คือ V10 5.7 ลิตร ให้แรงม้าที่ 612 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0-60 kph อยู่ที่ 3.5 วินาที ส่วน 0-100 Kph อยู่ที่ 6.8 วินาที ความดร็วสูงสุดทำได้ 335-340 Km/h





No.4 is Koenigsegg CCX ราคาประมาณ $600,910 หรือประมาณ 21,031,850

The Koenigsegg CCX is the latest supercar from Koenigsegg. CCX is an abbreviation for Competition Coupe X. The X commemorates the 10th anniversary of the completion and test drive of the first CC vehicle in 1996. The CCX is intended to be more suitable for the U.S. market and thus engineered to comply with US regulations. The CCX is powered by a Koenigsegg designed and assembled, all aluminium, 4700 cm³ DOHC 32-valve V8 based on the Ford Modular engine architecture enhanced with twin Rotrex centrifugal superchargers with response system, 1.2 bar boost pressure and an 8.2:1 compression ratio. The engine produces 806 hp (601 kW) and 678 lbf.ft (920 Nm) on 91 octane (U.S. rating) gasoline, 850 hp (634 kW) on 96 octane (Euro rating) gasoline and 900 hp (671 kW) on biofuel.

The Koenigsegg CCX เป็นรถรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Koenigsegg คนไทยอาจจะไม่คุ้นชื่อนี่นัก เพราะว่าส่วนใหญ่รถยี่ห้อนี่จะมีอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ตัวถังทั้งหมดเป็นอลูมิเนียม เครื่องยนต์ V8 twin Rotrex เครื่องยนต์ ในส่วนของแรงม้านั้น ก็จะแตกต่างกันไปตามน้ำมันที่ใช้ ดังนี้ 806 hp on 91 octane (U.S. rating) gasoline, 850 hpon 96 octane (Euro rating) gasoline and 900 hp on biofuel



No.3 is Pagani Zonda C12 F ราคาประมาณ $741,000 หรือประมาณ 25,935,000 ฿

The Zonda C12 F debuted at the 2005 Geneva Motor Show. It is the most extensive reengineering of the Pagani car yet, though it shares much with its predecessors including the 7.3 L V12. Power is increased to 602 PS (443 kW/594 hp) with a special clubsport model producing 650 PS (478 kW/641 hp). The company promises a 3.2 second sprint to 60 mph (97 km/h, a top speed over 374 km/h (225 mph) and it will be the queen in braking from 300 km/h to 0 (186 mph to 0). The Zonda F clubsport has a power to weight ratio of 521 bhp/ton (384 W/kg) . Compare, for example, the Enzo Ferrari which has a power to weight ratio of 483 bhp/ton (356 W/kg).

พากานี่ ซอนด้า เปิดตัวครั้งแรกในงาน เจนีว่า มอเตอร์โชว์ ขึ้นชื่อว่าเป็นที่สุดในด้านความเร็ว ด้วยเครื่องยนต์ V.12 7.3 ลิตร มีแรงม้าถึง 641 แรงม้า ใช้เวลาในการเร่งจาก 0-100 Kph ด้วยเวลาเพียง 3.2 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 374 Kmh นอกจากความสามารถในเรื่องความเร็วนั้น พากานี่ ซอนด้า ยังเป็นที่สุดในเรื่องของระบบเบรกอีกด้วย




No.2 is Ferrari Enzo ราคาประมาณ $1,000,000 หรือประมาณ 35,000,000

The Enzo Ferrari, sometimes referred to as the the Ferrari Enzo and also F60 is a 12-cylinder Ferrari supercar named after the company's founder, Enzo Ferrari. It was built in 2003 using Formula One technology, such as a carbon-fiber body, F1-style sequential shift transmission, and carbon-ceramic brake discs. Also used are technologies not allowed in F1 such as active aerodynamics. After a maximum downforce of 1709 pounds (775 kg) is reached at 186 mph (301 km/h) the rear spoiler is actuated by computer to maintain that downforce.

เฟอรารี่ เอนโซ่ ถูกสร้างขึ้นในปี 2003 โดยใช้เทคโนโลยีเดียวกับ รถแข่ง Formula-1 (F-1) เช่น ตัวถังเป็น คาร์บอน ไฟเปอร์ ระบบการเปลี่ยนเกียร์แบบรถ F-1 จานเบรคทำมาจาก คาร์บอน เซรามิก และสิ่งที่เป็นไฮไลท์ของเจ้า เฟอรารี่ เอนโซ่ตัวนี้ก็คือ เมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วสูง Spoiler ข้างหลังจะถูกควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อให้ได้แรงกดที่พอเหมาะ




NO .1 ได้แก่ Bugati Veyron ส่วนราคาอยู่ที่ $ 1,700,000 หรือประมาณ 59,500,000฿
The Bugatti Veyron 16.4 is the most powerful, most expensive, and fastest street-legal production car in the world, with a proven top speed of over 400 km/h (407 km/h or 253 mph). It reached full production in September 2005. The car is built by Volkswagen AG subsidiary Bugatti Automobiles SAS and is sold under the legendary Bugatti marque. It is named after racing driver Pierre Veyron, who won the 24 hours of Le Mans in 1939 while racing for the original Bugatti firm. The Veyron features a W16 engine—16 cylinders in 4 banks of 4 cylinders.


บูกาติ เวย์รอน 16.4 สุดยอดยนตกรรมที่ แรงที่คาุด เร็วที่สุด แพงที่สุด ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 400 Kmh ผลิตครั้งแรกเมื่อ กันยายน 2005 โดยผู้ผลิตคือ Volkswagen AG ซึ่งเป็นเครือของ Bugatti Automobiles SAS ในส่วนของชื่อรุ่น เวย์รอนนั้น ได้แรงบันดาลใจมากจาก Pierre Veyron ซึ่งเป็นตำนานนักแข่งที่อยู่ในสังกัดของ บูกาติ


วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

พริกที่เผ็ดที่สุดในโลก"ฮาบาเนโร่"

พริกที่เผ็ดที่สุดในโลกนั้นคือพริก “ฮาบาเนโร” เป็นพริกที่มีถิ่นกำเนิดในแถบภูมิภาคเมโสอเมริกา ซึ่งอยู่บริเวณคาบสมุทรยูคาตันในทวีปอเมริกากลางที่ยื่นเข้าไปในอ่าวเม็กซิโก ถูกค้นพบโดยชาวยุโรปและกระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว โดยพริกฮาบาเนโรที่มีเครื่องหมายการค้าจากเร้ด ซาบีนาได้รับการรับรองว่าเป็นพริกที่เผ็ดที่สุดในโลกและได้รับการบันทึกลงในกินเนสต์บุ๊คด้วย

พริกฮาบาเนโรนั้นมีขนาดประมาณ 2-6 เซนติเมตรตามความยาว มีลักษณะเหมือนผลไม้ และมีรสเปรี้ยวเหมือนส้ม เมื่อยังดิบจะมีสีเขียว พอสุกได้ที่จะมีสีที่หลากหลายซึ่งโดยทั่วไปก็จะเป็นสีส้มและสีแดงเหมือนพริกขี้หนูหรือพริกชี้ฟ้าบ้านเรานี่เอง ทั้งนี้ยังพบฮาบาเนโรที่สุกแล้วเป็นสีน้ำตาล สีขาว และสีชมพูได้อีกด้วย

และด้วยความเผ็ดร้อน บวกกับรสชาติเปรี้ยวนิดๆ และกลิ่นหอมของฮาบาเนโร จึงมีคนนิยมนำพริกชนิดนี้ไปเป็นส่วนประกอบของอาหารที่ต้องการความเผ็ด โดยเฉพาะซอสพริก เช่นบริษัทที่ผลิตซอสพริกทาบาสโกซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกก็นำฮาบาเนโรมาทำซอสพริกเวอร์ชั่นใหม่ที่ร้อนแรงกว่าทาบาสโกตามปกติด้วย

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยในเทกซัสก็ได้คิดค้นพริกฮาบาเนโรที่มีความเผ็ดร้อนน้อยลงซึ่งยังคงกลิ่นและรสตามแบบเดิมของพริกชนิดนี้ไว้ได้ โดยการผสมพันธุ์พริกฮาบาเนโรสายพันธุ์ยูคาตันกับสายพันธุ์ที่ปราศจากความเผ็ดของโบลิเวีย จนได้พริกฮาบาเนโรที่มีรสชาติละมุนกว่าเดิมซึ่งพวกเขาคาดว่าจะวางขายอย่างกว้างขวางได้ในอนาคต ซึ่งในปัจจุบันประเทศที่เป็นผู้ผลิตฮาบาเนโรที่สำคัญนั้นได้แก่ เบลีซ คอสตาริกา และรัฐบางรัฐของสหรัฐอเมริกา เช่น เทกซัส ไอดาโฮ และแคลิฟอร์เนีย

ทั้งนี้ ในทศวรรษที่ 18 ผู้เชี่ยวชาญด้านการแบ่งประเภทสิ่งมีชีวิตเข้าใจผิดว่า จีนเป็นประเทศต้นกำเนิดของฮาบาเนโร จึงเรียกพริกชนิดนี้ว่า ไชนีส เปปเปอร์ ชื่อนี้จึงกลายมาเป็นชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งของพริกฮาบาเนโรไปโดยปริยาย

วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

วันวิสาขบูชา


รูปย่อสำหรับรุ่น 22:19, 8 กุมภาพันธ์ 2552 วันวิสาขบูชา หรือ วิศาขบูชา (บาลี: วิสาขปูชา; อังกฤษ: Vesak) เป็น "วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาสากล" ของชาวพุทธทุกนิกายทั่วโลก, วันหยุดราชการ ในหลายประเทศ และ วันสำคัญของโลก ตามมติเอกฉันท์ของที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ[1] เพราะเป็นวันคล้ายวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญที่สุดในพระพุทธศาสนา 3 เหตุการณ์ด้วยกัน คือ เป็นวันคล้ายวันประสูติ, ตรัสรู้ และปรินิพพาน แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยทั้งสามเหตุการณ์นั้นได้เกิดตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 หรือในวันเพ็ญแห่งเดือนวิสาขมาส (ต่างปีกัน) ชาวพุทธจึงถือว่าเป็นวันที่รวมเกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ยิ่ง จึงเรียกการบูชาในวันนี้ว่า "วิสาขบูชา" ย่อมาจาก"วิสาขปูรณมีบูชา" แปลว่า "การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ" อันเป็นเดือนที่สองตามปฏิทินของอินเดีย ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือน 6 ตามปฏิทินจันทรคติของไทย ซึ่งมักจะตรงกับเดือนพฤษภาคม หรือมิถุนายน โดยในประเทศไทย ถ้าในปีใดมีเดือน 8 สองหน ก็เลื่อนไปทำในวันเพ็ญเดือน 7 หลัง ตามปฏิทินจันทรคติของไทย ซึ่งประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาเถรวาทอื่นที่ไม่ได้ถือคติตามปฏิทินจันทรคติของไทย จะจัดพิธีวิสาขบูชาในวันเพ็ญเดือน 6 แม้ในปีนั้นจะมีเดือน 8 สองหนตามปฏิทินจันทรคติไทยก็ตาม[2] และในกลุ่มชาวพุทธมหายานบางนิกาย ที่นับถือว่าเหตุการณ์ทั้ง 3 นั้น เกิดในวันต่างกันไป จะมีการจัดพิธีวิสาขบูชาต่างวันกันตามความเชื่อในนิกายของตน ๆ ซึ่งจะไม่ตรงกับวันวิสาขบูชาตามปฏิทินของชาวพุทธเถรวาท [3]
วันวิสาขบูชานั้น ได้รับการยกย่องจากพุทธศาสนิกชนทั่วโลกให้เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาสากล เนื่องจากเป็นวันที่บังเกิดเหตุการณ์สำคัญ 3 เหตุการณ์ ที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธเจ้าและจุดเริ่มต้นของศาสนาพุทธ ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดได้เกิดขึ้นเมื่อ 2,500 กว่าปีก่อน ณ ดินแดนที่เรียกว่าชมพูทวีปในสมัยพุทธกาล โดยเหตุการณ์แรก เมื่อ 80 ปี ก่อนพุทธศักราช เป็น "วันประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ" ณ ใต้ร่มสาละพฤกษ์ ในพระราชอุทยานลุมพินีวัน (อยู่ในเขตประเทศเนปาลในปัจจุบัน) และเหตุการณ์ต่อมา เมื่อ 45 ปี ก่อนพุทธศักราช เป็น "วันที่เจ้าชายสิทธัตถะได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" ณ ใต้ร่มโพธิ์พฤกษ์ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม (อยู่ในเขตประเทศอินเดียในปัจจุบัน) และเหตุการณ์สุดท้าย เมื่อ 1 ปี ก่อนพุทธศักราช เป็น "วันเสด็จดับขันธปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" ณ ใต้ร่มสาละพฤกษ์ ในสาลวโนทยาน พระราชอุทยานของเจ้ามัลละ เมืองกุสินารา (อยู่ในเขตประเทศอินเดียในปัจจุบัน) โดยเหตุการณ์ทั้งหมดล้วนเกิดตรงกับวันเพ็ญเดือน 6 หรือเดือนวิสาขะนี้ทั้งสิ้น ชาวพุทธจึงนับถือว่าวันเพ็ญเดือน 6 นี้ เป็นวันที่รวมวันคล้ายวันเกิดเหตุการณ์สำคัญ ๆ ของพระพุทธเจ้าไว้มากที่สุด และได้นิยมประกอบพิธีบำเพ็ญบุญกุศลและประกอบพิธีพุทธบูชาต่าง ๆ เพื่อเป็นการถวายสักการะรำลึกถึงแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสืบมาจนปัจจุบัน
วิสาขบูชา มีการนับถือปฏิบัติกันในหลายประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาทั้งมหายานและเถรวาททุกนิกายมาช้านานแล้ว ในบางประเทศเรียกพิธีนี้ว่า "พุทธชยันตี" (Buddha Jayanti) เช่นใน อินเดีย และศรีลังกา ในปัจจุบันมีหลายประเทศที่ยกย่องให้วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุดราชการ เช่น ประเทศอินเดีย, ประเทศไทย, ประเทศพม่า, ประเทศศรีลังกา, สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย เป็นต้น (ส่วนใหญ่เป็นประเทศที่มีสัดส่วนประชากรที่นับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทมากที่สุด) ในฝ่ายของประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาเถรวาทในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ได้รับคติการปฏิบัติบูชาในวันวิสาขบูชามาจากลังกา (ประเทศศรีลังกา) ในประเทศไทยปรากฏหลักฐานว่ามีการจัดพิธีวิสาขบูชามาตั้งแต่สมัยสุโขทัย
วันวิสาขบูชา ถือได้ว่าเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาสากล เพราะชาวพุทธทุกนิกายจะพร้อมใจกันจัดพิธีพุทธบูชาในวันนี้พร้อมกันทั่วทั้งโลก (ซึ่งไม่เหมือนวันมาฆบูชา และวันอาสาฬหบูชา ที่เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่นิยมนับถือกันเฉพาะในประเทศไทย, ลาว, และกัมพูชา) และด้วยเหตุนี้ ประชุมใหญ่สมัชชาสหประชาชาติจึงยกย่องให้วันวิสาขบูชาเป็น "วันสำคัญสากลนานาชาติ (International Day)" หรือ "วันสำคัญของโลก" ตามคำประกาศของที่ประชุมใหญ่สมัชชาสหประชาชาติ ครั้งที่ 54 ลงวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2542
ปัจจุบัน ประเทศไทยได้ประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุดราชการ โดยพุทธศาสนิกชนทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ พระสงฆ์ และประชาชน จะมีการประกอบพิธีต่าง ๆ เช่น การตักบาตร การฟังพระธรรมเทศนา การเวียนเทียน เป็นต้น เพื่อเป็นการบูชารำลึกถึงพระรัตนตรัยและเหตุการณ์สำคัญ 3 เหตุการณ์ดังกล่าว ที่ถือได้ว่าเป็นวันคล้ายวันที่ "ประสูติ" ของเจ้าชายสิทธัตถะ ผู้ซึ่งต่อมาได้ "ตรัสรู้" เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงกอปรไปด้วย "พระบริสุทธิคุณ", "พระปัญญาคุณ" ผู้ซึ่งได้ทรงสั่งสอนประกาศพระสัจธรรม คือความจริงของโลกแก่พหูชนทั้งปวงโดย "พระมหากรุณาธิคุณ" จวบจนทรง "เสด็จดับขันธปรินิพพาน" ในวาระสุดท้าย ซึ่งทั้งสามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสืบเนื่องในวันเพ็ญเดือน 6 ทั้งสิ้นนี้ ทำให้พระพุทธศาสนาได้บังเกิดและสืบต่อมาอย่างมั่นคงจนถึงปัจจุบัน

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554

สยามหัวเราะ




ที่ประเทศเดนมาร์ค มีการยอมรับให้หัวเราะบำบัด เป็นยารักษาโรคตามวิถีแพทย์ทางเลือก และเพื่อให้หัวเราะบำบัดเป็นศาสตร์ของคนไทยอย่างเต็มภาคภูมิ จึงได้มีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม โดยเมื่อราว 4 ปีที่ผ่านมา ได้นำหัวเราะบำบัดแบบสากลมาผสมผสานกับภูมิปัญญาของประเทศ เกิดเป็นเอกลักษณ์ใหม่ในชื่อ "สยามหัวเราะ" หรือ Laughter Siam

"สยามหัวเราะ" หัวเราะบำบัดแบบไทย

"สยามหัวเราะ" ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ 4 ทาง คือ ทางร่างกาย เมื่อทุกเซลล์ในร่างกายถูกกระตุ้นให้ตื่นตัว การทำงานทุกระบบภายในร่างกายจะดีขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาสมองซีกขวา ที่ควบคุมเรื่องสุขภาพและสุนทรียภาพทางอารมณ์ เช่น ดนตรีหรือศิลปะ ทำให้สมองโล่ง ไม่เครียดหรือยึดติดกับเรื่องเก่า ๆ พร้อมรับความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ทางอารมณ์ ทำให้มีอารมณ์ที่หนักแน่นมั่นคงและปล่อยวางได้มากขึ้น ทางสังคมช่วยให้ปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้ง่าย ยิ้มแย้มแจ่มใส บรรยากาศในสังคมดีขึ้น และทางจิตวิญญาณ เป็นการสร้างพลังชีวิต ให้ชีวิตมีชีวา โดย "สยามหัวเราะ" มีท่าพื้นฐาน 4 ท่า คือ

ท้องหัวเราะ หัวเราะออกเสียง "โอ" เอาสองมือวางทาบที่ท้อง พร้อมขยับท้องขึ้นลง เวลาขยับตัวขึ้นมือก็จะขึ้นตาม ช่วยนวดบริเวณท้อง เป็นการกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ ผู้ที่มีอาการท้องผูกและกรดไหลย้อนหากทำท่านี้ประจำอาการจะดีขึ้น

อกหัวเราะ หัวเราะออกเสียง "อา" พร้อมขยับอกขึ้นลง ช่วยคลายกล้ามเนื้อช่วงอก ลดอาการกล้ามเนื้อเครียด เป็นการกระตุ้นหัวใจ ช่วยยืดหลังให้ตรง และที่สำคัญเป็นการป้องกันโรคหัวใจ มะเร็งปอด และมะเร็งเต้านมได้ด้วย เพราะการขยับช่วงอก จะทำให้ปอดและหน้าอกหรือเต้านมได้เคลื่อนไหว ไม่เป็นพังผืดและตึงกระชับ

คอหัวเราะ หัวเราะออกเสียง "อู" พร้อมใช้นิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลาง ดันช่วงคอออกไปข้างหน้า ให้แขนแนบขนานลำตัว รักแร้และกล้ามเนื้อข้างลำตัวจะถูกแขนถูจนเกิดความร้อน เป็นการขับสารเคมีที่ผิดปกติออกจากผนังปอดได้อีกทางหนึ่ง

และสุดท้าย หน้าหัวเราะ หัวเราะออกเสียง "เอ" ใช้นิ้วทั้งสิบขยับสลับกันไปมานวดไปบนหน้า เป็นการฝึกประสาทสมอง และผ่อนคลายทั่วใบหน้า

นอกจากนี้ยังมีท่า มือหัวเราะ สะโพกหัวเราะ ไหล่หัวเราะ ตาหัวเราะ จมูกหัวเราะ และ หูหัวเราะ เพื่อให้ร่างกายได้ออกกำลังกายทุกส่วนพร้อมเสียงหัวเราะอีกด้วย

จุดเด่นของสยามหัวเราะที่หัวเราะบำบัดทั่วโลกไม่มี คือ หลังจากทำท่าหัวเราะต่าง ๆ ไปแล้วจนรู้สึกผ่อนคลายและหัวเราะได้อย่างอิสระ หรือเรียกว่าถึงจุดพีค ผู้บำบัดจะถูกให้หยุดหัวเราะทันที เพื่อไม่ให้เกิดการหัวเราะจนเตลิด ให้เกิดการสำรวจร่างกาย ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น มีสติในการดูแลรักษาร่างกาย เกิดการรู้ทันตนเอง (Self awareness) ที่ผู้บำบัดจะรู้สึกได้ด้วยตัวเอง

เพราะสยามหัวเราะ เป็นการหัวเราะพร้อมออกกำลังกายในระดับเซลล์ จึงมีรายงานว่าช่วยรักษาอาการโรคฮิตคนเมืองอย่างกรดไหลย้อน ลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม ลดความอ้วน ช่วยเรื่องระบบทางเดินหายใจ ระบบย่อยอาหาร ระบบไหลเวียนโลหิต และระบบเจริญพันธุ์ เรียกได้ว่า เมื่อร่างกายทุกส่วนตื่นตัว กลไกการทำงานของร่างกายก็จะดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ โรคภัยไข้เจ็บจึงไม่เกิดนั่นเอง

หัวเราะต้านหวัด 2009

เนื่องจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม จึงได้คิดค้นท่าออกกำลังกายเพื่อช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน พร้อมกระตุ้นสมองได้ 2 ซีกพร้อมกัน เป็นการต่อยอดจากสยามหัวเราะ ท่าออกกำลังกายนี้ ทำเพียงวันละครั้ง ครั้งละ 1 นาที ภายใต้สโลแกนที่ว่า "ออกกำลังสมองวันละ 1 นาที สุขภาพดี ชีวีมีขำ"

ก่อนทำท่านี้ให้นึกถึงภาพของหนุมาน จากนั้น เริ่มด้วยการยืนแยกขาออกจากกันพอประมาณ ย่อตัวลงเล็กน้อย ชูมือขึ้นระดับศีรษะ ขยับขาขึ้นลงซ้ายขวาสลับกับมือและแขน พร้อมกันนั้นต้องกำมือแล้วคลายออกสลับไปด้วย และต้องไม่ลืมโยกย้ายร่างกายและขยับกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ บนใบหน้าอย่างเบิกบานด้วย เพียงวันละ 1 นาที ท่าทางที่ตลกนี้จะทำให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า สนุก ได้ออกกำลังร่างกายทุกส่วน เป็นการเพิ่มภูมิคุ้มกัน และการขยับมือเท้าสลับกันยังช่วยกระตุ้นสมองทั้งสองซีกด้วย ที่สำคัญท่านี้ไม่ต้องเปล่งเสียงหัวเราะ ไม่ต้องใช้เวลานาน ไม่ใช้อุปกรณ์หรือสถานที่ เป็นการออกกำลังกายแบบลงทุนน้อยแต่ได้ประโยชน์มาก

จากการใช้ท่าออกกำลังกายนี้บำบัดเด็กติดเกมใน 15 โรงเรียน พบว่าเด็กกว่าครึ่งหนึ่งหายจากอาการติดเกม และตั้งใจเรียนหนังสือมากขึ้น ที่สำคัญ เด็กไม่เบื่อเพราะใช้เวลาน้อยและสนุก

เสียงหัวเราะกับน้ำในร่างกาย

หัวเราะบำบัดหรือสยามหัวเราะเป็นวิธีหนึ่ง ที่จะเข้าไปช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกายทุก ๆ ส่วนตั้งแต่ระดับเซลล์ และกระตุ้นให้น้ำในเซลล์เกิดสมดุล และทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมือนการทำน้ำเสียให้เป็นน้ำสะอาด เพราะเมื่อเราเครียดหรือมีความทุกข์ สมองจะหลั่งสารเศร้าออกมาผ่านทางของเหลวในร่างกาย อาทิ อะดรีนาลีน หรือเรียกง่าย ๆ ว่าสารกดดัน และ คอร์ติซอล ที่จำง่าย ๆ ว่าสารเศร้าหรือสารเครียด และวิธีการเดียวที่จะขจัดความเครียดและซึมเศร้าออกจากร่างกายได้คือ "การหัวเราะ" เพราะเมื่อเราหัวเราะร่างกายจะหลั่งสารแห่งความสุขออกมา ไม่ว่าจะเป็น เอนดอร์ฟิน หรือมอร์ฟีน เพิ่มความสุขตามธรรมชาติ เซโรโทนิน หรือสารปราศจากเครียด และ โดปามีน หรือสารหรรษา เป็นกลไกการฟื้นฟูตัวเองตามธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่นิดเดียว

จะเห็นได้ว่าประโยชน์ของการหัวเราะนั้นมีมากมายอย่างที่คาดไม่ถึง รู้อย่างนี้แล้วอย่าลืมให้ความสำคัญกับการหัวเราะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกกำลังกายจากภายในด้วยหัวเราะบำบัด หรือสยามหัวเราะ ที่นอกจากจะได้ความสุข รอยยิ้มและเสียงหัวเราะแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรงสมบูรณ์อีกด้วย



วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554

ตำนานนางสงกรานต์


ตำนานนางสงกรานต์
ตามจารึกที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม[1] กล่าวตามพระบาลีฝ่ายรามัญว่า ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเศรษฐีคนหนึ่ง รวยทรัพย์แต่อาภัพบุตร ตั้งบ้านอยู่ใกล้กับนักเลงสุราที่มีบุตรสองคน วันหนึ่งนักเลงสุราต่อว่าเศรษฐีจนกระทั่งเศรษฐีน้อยใจ จึงได้บวงสรวงพระอาทิตย์ พระจันทร์ ตั้งจิตอธิษฐานอยู่กว่าสามปี ก็ไร้วี่แววที่จะมีบุตร อยู่มาวันหนึ่งพอถึงช่วงที่พระอาทิตย์ยกขึ้นสู่ราศีเมษ เศรษฐีได้พาบริวารไปยังต้นไทรริมน้ำ พอถึงก็ได้เอาข้าวสารลงล้างในน้ำเจ็ดครั้ง แล้วหุงบูชาอธิษฐานขอบุตรกับรุกขเทวดาในต้นไทรนั้น รุกขเทวดาเห็นใจเศรษฐี จึงเหาะไปเฝ้าพระอินทร์ ไม่ช้าพระอินทร์ก็มีเมตตาประทานให้เทพบุตรองค์หนึ่งนาม "ธรรมบาล" ลงไปปฏิสนธิในครรภ์ภรรยาเศรษฐี ไม่ช้าก็คลอดออกมา เศรษฐีตั้งชื่อให้กุมารน้อยนี้ว่า ธรรมบาลกุมาร และได้ปลูกปราสาทไว้ใต้ต้นไทรให้กุมารนี้อยู่อาศัย

ต่อมาเมื่อธรรมบาลกุมารโตขึ้น ก็ได้เรียนรู้ซึ่งภาษานก และเรียนไตรเภทจบเมื่ออายุได้เจ็ดขวบ เขาได้เป็นอาจารย์บอกมงคลต่าง ๆ แก่คนทั้งหลาย อยู่มาวันหนึ่ง ท้าวกบิลพรหม ได้ลงมาถามปัญหากับธรรมบาลกุมาร 3 ข้อ ถ้าธรรมบาลกุมารตอบได้ก็จะตัดเศียรบูชา แต่ถ้าตอบไม่ได้จะตัดศีรษะธรรมบาลกุมารเสีย ท้าวกบิลพรหมถามธรรมบาลกุมารว่า ตอนเช้าศรีอยู่ที่ไหน ตอนเที่ยงศรีอยู่ที่ไหน และตอนค่ำศรีอยู่ที่ไหน ทันใดนั้นธรรมบาลกุมารจึงขอผัดผ่อนกับท้าวกบิลพรหมเป็นเวลา 7 วัน

ทางธรรมบาลกุมารก็พยายามคิดค้นหาคำตอบ ล่วงเข้าวันที่ 6 ธรรมบาลกุมารก็ลงจากปราสาทมานอนอยู่ใต้ต้นตาล เขาคิดว่า ขอตายในที่ลับยังดีกว่าไปตายด้วยอาญาท้าวกบิลพรหม บังเอิญบนต้นไม้มีนกอินทรี 2 ตัวผัวเมียเกาะทำรังอยู่ นางนกอินทรีถามสามีว่า พรุ่งนี้เราจะไปหาอาหารแห่งใด สามีตอบนางนกว่า เราจะไปกินศพธรรมบาลกุมาร ซึ่งท้าวกบิลพรหมจะฆ่าเสีย ด้วยแก้ปัญหาไม่ได้ นางนกจึงถามว่า คำถามที่ท้าวกบิลพรหมถามคืออะไร สามีก็เล่าให้ฟัง ซึ่งนางนกก็ไม่สามารถตอบได้ สามีจึงเฉลยว่า ตอนเช้า ศรีจะอยู่ที่หน้า คนจึงต้องล้างหน้าทุก ๆ เช้า ตอนเที่ยง ศรีจะอยู่ที่อก คนจึงเอาเครื่องหอมประพรมที่อก ส่วนตอนเย็น ศรีจะอยู่ที่เท้า คนจึงต้องล้างเท้าก่อนเข้านอน ธรรมบาลกุมารก็ได้ทราบเรื่องที่นกอินทรีคุยกันตลอด จึงจดจำไว้

ครั้นรุ่งขึ้น ท้าวกบิลพรหมก็มาตามสัญญาที่ให้ไว้ทุกประการ ธรรมบาลกุมารจึงนำคำตอบที่ได้ยินจากนกไปตอบกับท้าวกบิลพรหม ท้าวกบิลพรหมจึงตรัสเรียกธิดาทั้งเจ็ดอันเป็นบาทบาจาริกาพระอินทร์มาประชุมพร้อมกัน แล้วบอกว่า เราจะตัดเศียรบูชาธรรมบาลกุมาร ถ้าจะตั้งไว้ยังแผ่นดิน ไฟก็จะไหม้โลก ถ้าจะโยนขึ้นไปบนอากาศ ฝนก็จะแล้ง ถ้าจะทิ้งในมหาสมุทร น้ำก็จะแห้ง จึงให้ธิดาทั้งเจ็ดนำพานมารองรับ แล้วก็ตัดเศียรให้นางทุงษะ ผู้เป็นธิดาองค์โต จากนั้นนางทุงษะก็อัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหมเวียนขวารอบเขาพระสุเมรุ 60 นาที แล้วเก็บรักษาไว้ในถ้ำคันธุลี ในเขาไกรลาศ

จากนั้นมาทุก ๆ 1 ปี ธิดาของท้าวกบิลพรหมทั้ง 7 ก็จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาทำหน้าที่อัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหมแห่ไปรอบเขาพระสุเมรุ เป็นเวลา 60 นาที แล้วประดิษฐานตามเดิม ในแต่ละปีนางสงกรานต์แต่ละนางจะทำหน้าที่ผลัดเปลี่ยนกันตามวันมหาสงกรานต์ ดังนี้

ถ้าวันอาทิตย์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม ทุงษะเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกทับทิม อาภรณ์แก้วปัทมราช ภักษาหารอุทุมพร (ผลมะเดื่อ) พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงสังข์ เสด็จมาบนหลังครุฑ

ถ้าวันจันทร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม โคราคะเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกปีบ อาภรณ์แก้วมุกดา ภักษาหารเตลัง (น้ำมัน) พระหัตถ์ขวาทรงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จมาบนหลังพยัคฆ์ (เสือ)

ถ้าวันอังคารเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม รากษสเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกบัวหลวง อาภรณ์แก้วโมรา ภักษาหารโลหิต พระหัตถ์ขวาทรงตรีศูล พระหัตถ์ซ้ายทรงธนู เสด็จมาบนหลังวราหะ (หมู)

ถ้าวันพุธเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม มณฑาเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกจำปา อาภรณ์แก้วไพฑูรย์ ภักษาหารนมเนย พระหัตถ์ขวาทรงเข็ม พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จมาบนหลังคัทรภะ (ลา)

ถ้าวันพฤหัสบดีเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม กิริณีเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกมณฑา อาภรณ์แก้วมรกต ภักษาหารถั่วงา พระหัตถ์ขวาทรงขอช้าง พระหัตถ์ซ้ายทรงปืน เสด็จมาบนหลังคชสาร (ช้าง)

ถ้าวันศุกร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม กิมิทาเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกจงกลนี อาภรณ์แก้วบุษราคัม ภักษาหารกล้วยน้ำ พระหัตถ์ขวาทรงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายทรงพิณ เสด็จมาบนหลังมหิงสา (ควาย)

ถ้าวันเสาร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม มโหธรเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกสามหาว อาภรณ์แก้วนิลรัตน์ ภักษาหารเนื้อทราย พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงตรีศูล เสด็จมาบนหลังมยุรา (นกยูง)

สำหรับความเชื่อทางล้านนานั้นจะมีว่า

วันอาทิตย์ ชื่อ นางแพงศรี
วันจันทร์ ชื่อ นางมโนรา
วันอังคาร ชื่อ นางรากษสเทวี
วันพุธ ชื่อ นางมันทะ
วันพฤหัส ชื่อ นางัญญาเทพ
วันศุกร์ ชื่อ นางริญโท
วันเสาร์ ชื่อ นางสามาเทวี

ที่สำคัญอิริยาบถที่นางสงกรานต์ขี่พาหนะมาจะเป็นการบอกถึงช่วงเวลาพระอาทิตย์เคลื่อนสู่ราศีเมษเวลาใดของวันมหาสงกรานต์หรือวันขึ้นปีใหม่ซึ่งมีด้วยกัน 4 ท่า
ยืนบนพาหนะ หมายถึง พระอาทิตย์ยกสู่ราศีเมษในระหว่างเวลารุ่งเช้าจนถึงเที่ยง

นั่งบนพาหนะ หมายถึงช่วงเที่ยงจนถึงค่ำ
นอนลืมตาบนพาหนะ หมายถึงช่วงค่ำไปจนถึงเที่ยงคืน
นอนหลับตาบนพาหนะ หมายถึงเที่ยงคืนไปจนถึงรุ่งเช้า

ซึ่งความเชื่อเกี่ยวกับอิริยาบถของนางสงกรานต์นั้น กล่าวกันว่า ถ้ายืนมาจะเกิดความเดือดร้อน เจ็บไข้ ถ้านั่งมา จะเกิดความเจ็บไข้ ผู้คนล้มตายและเกิดเหตุเภทภัยต่าง ๆ นอนลืมตา ประชาชนจะอยู่เย็นเป็นสุข และถ้านอนหลับตา พระมหากษัตริย์จะเจริญรุ่งเรือง เป็นต้น

วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554

การเกิดสึนามิ


สึนามิ เป็นภาษาญี่ปุ่นแปลว่า Harbour Wave คำแรก สึ แปลว่า harbour คำที่สอง นามิ แปลว่า คลื่น ปัจจุบันใช้เป็นคำเรียก กลุ่มคลื่นที่มีความยาวคลื่นมากๆขนาดหลายร้อยไมล์ นับจากยอดคลื่นที่ไล่ตามกันไป เกิดขึ้นจากการที่น้ำทะเลในปริมาตรเป็นจำนวนมากมายมหาศาล ถูกผลักดันให้เคลื่อนที่ในแนวดิ่ง ด้วยเหตุมาจากการเคลื่อนไหวของเปลือกโลกส่วนที่อยู่ใต้ทะเลลึก บางครั้งก็เรียกว่า seismic wave เพราะส่วนใหญ่เกิดจากการเคลื่อนไหวดังกล่าว เรามักจะสับสนกับคำว่า สึนามิ กับ tidal wave ซึ่งเกิดจากน้ำขึ้นน้ำลง แต่ สึนามิ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับการขึ้นลงของน้ำเลย



สึนามิ ส่วนใหญ่ เกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกใต้ทะเลอย่างฉับพลัน อาจจะเป็นการเกิดแผ่นดินถล่มยุบตัวลง หรือเปลือกโลกถูกดันขึ้นหรือยุบตัวลง ทำให้มีน้ำทะเลปริมาตรมหาศาลถูกดันขึ้นหรือทรุดตัวลงอย่างฉับพลัน พลังงานจำนวนมหาศาลก็ถ่ายเทไปให้เกิดการเคลื่อนตัวของน้ำทะเลเป็น คลื่นสึนามิ ที่เหนือทะเลลึก จะดูไม่ต่างไปจากคลื่นทั่วๆไปเลย จึงไม่สามารถสังเกตได้ด้วยวิธีปกติ แม้แต่คนบนเรือเหนือทะเลลึกที่ คลื่นสึนามิ เคลื่อนผ่านใต้ท้องเรือไป ก็จะไม่รู้สึกอะไร เพราะเหนือทะเลลึก คลื่นนี้ สูงจากระดับน้ำทะเลปกติเพียงไม่กี่ฟุตเท่านั้น จึงไม่สามารถแม้แต่จะบอกได้ด้วยภาพถ่ายจากเครื่องบิน หรือยานอวกาศ



นอกจากนี้แล้ว สึนามิ ยังเกิดได้จากการเกิดแผ่นดินถล่มใต้ทะเล หรือใกล้ฝั่งที่ทำให้มวลของดินและหิน ไปเคลื่อนย้ายแทนที่มวลน้ำทะเล หรือภูเขาไฟระเบิดใกล้ทะเล ส่งผลให้เกิดการโยนสาดดินหินลงน้ำ จนเกิดเป็นคลื่น สึนามิ ได้ ดังเช่น การระเบิดของภูเขาไฟ คระคะตัว ในปี ค.ศ. ๑๘๘๓ ซึ่งส่งคลื่น สึนามิ ออกไปทำลายล้างชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนในเอเชีย มีจำนวนผู้ตายถึงประมาณ ๓๖,๐๐๐ ชีวิต


นอกเหนือไปจากนั้น ในกรณีที่มีความเป็นไปได้ไม่สูงมากนัก คือการที่เกิดอุกกาบาตตกใส่โลก ดังเช่นที่เกิดขึ้นเมื่อ ๖๕ ล้านปีมาแล้ว ทำลายล้างชีวิตบนโลกเป็นส่วนใหญ่ สรุปแล้วก็คือ สึนามิ จะเกิดขึ้นเมื่อ น้ำทะเลในปริมาตรมหาศาล ถูกผลักดันให้เคลื่อนออกจากตำแหน่งเดิมในแนวดิ่ง อย่างฉับพลันกระทันหันชั่วพริบตา ด้วยพลังงานมหาศาล น้ำทะเลก็จะกระจายตัวออกเป็นคลื่น สึนามิ ที่เมื่อไปถึงฝั่งใด ความพินาศสูญเสียก็จะตามมาอย่างตั้งตัวไม่ติด

วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Full breakfast




Full English breakfast

The normal ingredients of a traditional full English breakfast are bacon (traditionally back bacon, less commonly streaky bacon), egg
s, fried or gr
illed tomatoes, fried mushrooms, fried bread or toast and sausages, usually served with a mug of tea.
Black pudding is added in some regions, as is fried leftover mashed potatoes (called potato cakes). Originally a way to use up leftover vegetables from the main meal of the day before, bubble and squeak, shallow-fried leftover vegetables with potato, has become a breakfast feature in its own right. Hash browns and baked beans are a common modern addition, while onions, either fried or in rings, occasionally appear. In the North Midlands, fried or grilled oatcakes sometimes replace fried bread. When an English breakfast is ordered to contain everything available it is often referred to as a Full English, or a Full Monty.



Full Irish breakfast

An Irish breakfast consisting of sausages, black and white pudding, bacon and fried eggs.
In Ireland, as elsewhere, the exact constituents of a full breakfast vary, depending on geographical area, personal taste and cultural affiliation. Traditionally, the most common ingredients are bacon rashers, sausages, fried eggs, white pudding, black pudding, toast, sliced potato, and fried tomato.[4] Sauteed mushrooms are also sometimes included,[5] as well as liver (although popularity has declined in recent years), and brown soda bread.[citation needed] A full Irish breakfast may be accompanied with a strong Irish Breakfast tea such as Barry's Tea, Lyons Tea, or Bewley's breakfast blend served with milk. Fried potato bread, farl, potato farl or toast is often served as an alternative to brown soda bread.




Ulster Fry


An Ulster Fry is a dish similar to the Irish breakfast or the Full English, and is popular throughout Ulster.

A traditional Ulster Fry consists of bacon, eggs, sausages (either pork or beef), the farl form of soda bread (the farl is split in half crossways to expose the inner bread and then fried with the exposed side down), potato bread[6] and wheaten farl. Other common components include mushrooms, baked beans or pancake. All this is traditionally fried, however in recent decades, people have taken to grilling the ingredients instead.
The Ulster Fry is often served for breakfast, lunch and dinner in households and cafés around the province. Emigrants have also popularised the serving of an Ulster Fry outside Ulster.
The usual accompaniment is strong tea, typically a blend with a high proportion of Assam leaves.
Between 2001 and 2007 the television channel BBC Two Northern Ireland used a station ID during local opt-outs from national UK programming which featured the BBC Two logo eating an Ulster Fry.


วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ตำนานวันลาเลนไทน์

เรื่องของ วันวาเลนไทน์ นี้ มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ณ กรุงโรม หรืออาณาจักรโรมัน ในยุคของจักรพรรดิคลอดิอุส ที่สอง (Claudius II) โดยที่จักรพรรดิพระองค์นี้ มีนิสัยชอบกดขี่ข่มเหงผู้อื่น เขาได้สั่งให้ชาวโรมันทุกคน สักการะนับถือพระเจ้า 12 องค์ โดยผู้ที่ขัดขืนคำสั่งจะถูกทำโทษ รวมทั้งห้ามยุ่งเกี่ยวกับพวกคริสเตียนด้วย แต่นักบุณวาเลนตินุส (Valentinus) มีความเลื่อมใส ศรัทธาต่อพระคริสมาก เขาได้กล่าวไว้ว่า แม้กระทั่งความตายก็ไม่สามารถ เปลี่ยนความคิดของเขาได้ เขาจึงได้ถูกขังคุก

ช่วงอาทิตย์สุดท้ายในชีวิตของเขานั้น ได้มีสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้น ขณะที่เขาถูกคุมขังอยู่นั้น ผู้คุมขังได้ขอให้วาเลนตินุส สอนลูกสาวเขาซึ่งตาบอดด้วย จูเลียเป็นคนสวยแต่น่าเสียดายที่เธอตาบอดตั้งแต่แรกเกิด วาเลนตินุสได้เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ต่าง ๆ สอนเลข และเล่าเรื่องพระเจ้าให้เธอฟัง จูเลีย สามารถรับรู้สิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้ได้ โดยคำบอกเล่าของ วาเลนตินุส เธอเชื่อใจเขาและเธอมีความสุขมากเมื่ออยู่กับเขา

วันหนึ่งจูเลียถามวาเลนตินุสว่า “ถ้าเราอธิษฐาน พระผู้เป็นเจ้าจะได้ยินเราไหม” เขาตอบ “พระองค์เจ้า จะได้ยินเราแน่นอน ท่านได้ยินเราทุกคน” จูเลียกล่าว “ท่านทราบหรือไม่ว่า ข้าอธิษฐานขออะไรทุก ๆ เช้า ทุก ๆ เย็น....ข้าหวังว่า ข้าจะได้มองเห็นโลก เห็น ทุก ๆ อย่างที่ท่านเล่าให้ข้าฟัง” วาเลนตินุสจึงบอก “พระเจ้ามอบแต่สิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ทุกคน เพียงแค่เรามีความเชื่อมั่นในพระองค์ท่าน เท่านั้นเอง”

จูเลีย ผู้ซึ่งมีความเชื่อมั่นในพระผู้เป็นเจ้าจึงได้คุกเข่า กุมมือ อธิษฐานพร้อมกับวาเลนตินุส และในขณะนั้นเอง ก็ได้มีแสงสว่างลอดเข้ามาในคุก และสิ่งมหัศจรรย์ก็ได้เกิดขึ้น จูเลียค่อย ๆ ลืมตา พระเจ้า.....เธอมองเห็นแล้ว!!!!! เขาและเธอจึงกล่าวขอบคุณต่อพระเจ้า และเรื่องมหัศจรรย์เรื่องนี้ ได้แพร่หลายไปทั่วราชอาณาจักร

ในคืนก่อนที่วาเลนตินุสจะสิ้นชีวิต โดยการถูกตัดศีรษะ เขาได้ส่งจดหมายฉบับสุดท้ายถึงจูเลีย โดยลงท้ายว่า “From Your Valentine” เข้าสิ้นชีพในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หลังจากนั้น ศพของเขาได้ถูกเก็บไว้ที่โบสถ์พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุมศพของวาเลนตินุส แต่ผู้เป็นที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทนแห่งรักนิรันดร์และมิตรภาพอันสวยงาม
















วันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ประวัติ Facebook

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2548 Mark Zuckerburg ได้เปิดตัวเว็บไซต์ facebook ซึ่งเป็นเว็บประเภท social network ที่ตอนนั้น เปิดให้เข้าใช้เฉพาะนักศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดเท่านั้น และเว็บนี้ก็ดังขึ้นมาในชั่วพริบตา เพราะแค่เพียงเปิดตัวได้สองสัปดาห์ ครึ่งหนึ่งของนักศึกษาที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ก็สมัครเป็นสมาชิก facebook เพื่อเข้าใช้งานกันอย่างล้นหลาม และเมื่อทราบข่าวนี้ มหาวิทยาลัยอื่น ๆ ในเขตบอสตั้นก็เริ่มมีความต้องการ และอยากขอเข้าใช้งาน facebook บ้างเหมือนกัน มาร์คจึงได้ชักชวนเพื่อของเค้าที่ชื่อ Dustin Moskowitz และ Christ Hughes เพื่อช่วยกันสร้าง facebook และเพียงระยะเวลา 4 เดือนหลังจากนั้น facebook จึงได้เพิ่มรายชื่อและสมาชิกของมหาวิทยาลัยอีก 30 กว่าแห่ง

ไอเดียเริ่มแรกในการตั้งชื่อ facebook นั้นมาจากโรงเรียนเก่าในระดับมัธยมปลายของมาร์ค ที่ชื่อฟิลิปส์ เอ็กเซเตอร์ อะคาเดมี่ โดยที่โรงเรียนนี้ จะมีหนังสืออยู่หนึ่งเล่มที่ชื่อว่า The Exeter Face Book ซึ่งจะส่งต่อ ๆ กันไปให้นักเรียนคนอื่น ๆ ได้รู้จักเพื่อน ๆ ในชั้นเรียน ซึ่ง face book นี้จริง ๆ แล้วก็เป็นหนังสือเล่มหนึ่งเท่านั้น จนเมื่อวันหนึ่ง มาร์คได้เปลี่ยนแปลงและนำมันเข้าสู่โลกของอินเทอร์เน็ต

เมื่อประสบความสำเร็จขนาดนี้ ทั้งมาร์ค ดัสติน และ ฮิวจ์ ได้ย้ายออกไปที่ Palo Alto ในช่วงฤดูร้อนและไปขอแบ่งเช่าอพาร์ทเมนท์ แห่งหนึ่ง หลังจากนั้นสองสัปดาห์ มาร์คได้เข้าไปคุยกับ ชอน ปาร์คเกอร์ (Sean Parker) หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Napster จากนั้นไม่นาน ปาร์คเกอร์ก็ย้ายเข้ามาร่วมทำงานกับมาร์คในอพาร์ตเมนท์ โดยปาร์คเกอร์ได้ช่วยแนะนำให้รู้จักกับนักลงทุนรายแรก ซึ่งก็คือ ปีเตอร์ ธีล (Peter Thiel) หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Paypal และผู้บริหารของ The Founders Fund โดยปีเตอร์ได้ลงทุนใน facebook เป็นจำนวนเงิน 500,000 เหรียญสหรัฐฯ

ด้วยจำนวนสมาชิกหลายล้านคน ทำให้บริษัทหลายแห่งสนใจในตัว facebook โดย friendster พยายามที่จะขอซื้อ facebook เป็นเงิน 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในกลางปีพ.ศ. 2548 แต่ facebook ปฎิเสธข้อเสนอไป และได้รับเงินทุนเพิ่มเติมจาก Accel Partners เป็นจำนวนอีก 12.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในตอนนั้น facebook มีมูลค่าจากการประเมินอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

facebook ยังเติบโตต่อไป จนถึงเดือนกันยายนปีพ.ศ. 2549 ก็ได้เปิดในโรงเรียนในระดับมัธยมปลาย เข้าร่วมใช้งานได้ และในเดือนถัดมา facebook ได้เพิ่มฟังค์ชั่นใหม่ โดยสามารถให้สมาชิก เอารูปภาพมาแบ่งปันกันได้ ซึ่งฟังชั่นนี้ได้ัรับความนิยมอย่างล้นหลาม ในฤถูใบไม้ผลิ facebook ได้รับเงินจากการลงทุนเพิ่มอีกของ Greylock Partners, Meritech Capitalพร้อมกับนักลงทุนชุดแรกคือ Accel Partners และ ปีเตอร์ ธีล เป็นจำนวนเงินถึง 25 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมูลค่าการประเมินมูลค่าในตอนนั้นเป็น 525 ล้านเหรียญ หลังจากนั้น facebook ได้เปิดให้องค์กรธุรกิจหรือบริษัทต่าง ๆ ให้สามารถเข้าใช้งาน facebook และสร้าง network ต่าง ๆ ได้ ซึ่งในที่สุดก็องค์กรธุรกิจกว่า 20,000 แห่งได้เข้ามาใช้งาน และสุดท้ายในปีพ.ศ. 2550 facebook ก็ได้เปิดให้ทุกคนที่มีอีเมล์ ได้เข้าใช้งาน ซึ่งเป็นยุคที่คนทั่วไป ไม่ว่าเป็นใครก็สามารถเข้าไปใช้งาน facebook ได้เพียงแค่คุณมีอีเมล์เท่านั้น

ในช่วงฤดูร้อนปี 2550 ครั้งนั้น Yahoo พยายามที่จะขอซื้อ facebook ด้วยวงเงินจำนวน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีรายงานว่ามาร์คได้ทำการตกลงกันด้วยวาจาไปแล้วด้วยว่า จะยอมขาย facebook ให้กับ Yahoo และเพียงแค่สองสามวันถัดมา หุ้นของ Yahoo ก็ได้พุ่งขึ้นสูงเลยทีเดียว แต่ว่าข้อเสนอซื้อได้ถูกต่อรองเหลือเพียงแค่ 800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้มาร์คปฎิเสธข้อเสนอนั้นทันที ภายหลังต่อมา ทาง Yahoo ได้ลองเสนอขึ้นไปที่ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ อีกครั้ง คราวนี้มาร์คปฎิเสธ Yahoo ทันที และได้รับชื่อเสียงในทางไม่ดีว่า ทำธุรกิจเป็นเด็กฯ ไปในทันที นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มาร์คปฎิเสธขอเสนอซื้อบริษัท เพราะเคยมีบริษัท Viacom ได้เคยลองเสนอซื้อ facebook ด้วยวงเงิน 750 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และถูกปฎิเสธไปแล้วในเดือนมีนาคมปี 2550

มีข่าวอีกกระแสหนึ่งที่ไม่ค่อยดีสำหรับ facebook ที่ได้มีการโต้เถียงกันอย่างหนัก กับ Social Network ที่ชื่อ ConnectU โดยผู้ก่อตั้ง ConnectU ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กที่ฮาเวิร์ด ได้กล่าวหาว่ามาร์คได้ขโมยตัว source code สำหรับ facebook ไปจากตน โดยกรณีนี้ได้มีเรื่องมีราวไปถึงชั้นศาล และตอนนี้ได้แก้ไขข้อพิพาทกันไปเรียบร้อยแล้ว

ถึงแม้ว่าจะมีข้อพิพาทอย่างนี้เกิดขึ้น การเติบโตของ facebook ก็ยังขับเคลื่อนต่อไป ในฤดูใบไม่ร่วงปี 2551 facebook มีสมาชิกที่มาสมัครใหม่มากกว่า 1 ล้านคนต่อสัปดาห์ โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่วันละ 200,000 คน ซึ่งรวมกันแล้วทำให้ facebook มีสมาชิกมากถึง 50 ล้านคน โดย facebook มียอดผู้เข้าชมเฉลี่ยอยู่ที่ 40,000 ล้านเพจวิวต่อเดือน จากวันแรกที่ facebook เป็น social network ของนักศึกษามหาวิทยาลัย จนวันนี้ สมาชิกของ facebook 11% มีอายุมากกว่า 35 ปี และสมาชิกที่มีอายุมากกว่า 30 ปีก็เข้ามาสมัครใช้ facebook กันเยอะมาก นอกเหนือจากนี้ facebook ยังเติบโตอย่างยิ่งใหญ่ในตลาดต่างประเทศอีกด้วย โดย 15% ของสมาชิก เป็นคนที่อยู่ในประเทศแคนาดา ซึ่งมีรายงานออกมาด้วยว่า ค่าเฉลี่ยของสมาชิกที่มาใช้งาน facebook นั้นอยู่ที่ 19 นาทีต่อวันต่อคน โดย facebook ถือได้ว่าเป็นเว็บไซต์ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดเป็นอันดับ 6 ของสหรัฐอเมริกาและเป็นเว็บไซต์ที่มีผู้อัพโหลดรูปภาพสูงที่สุดด้วยจำนวน 4 หมื่นหนึ่งพันล้านรูป

จากจำนวนสถิติเหล่านี้ ไมโครซอฟต์ได้ร่วมลงทุนใน facebook เป็นจำนวนเงิน 240 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อแลกกับหุ้นจำนวน 1.6 % ในเดือนตุลาคม 2551 ทำให้มูลค่ารวมของ facebook มีมากกว่า 15,000 ล้านบาท และทำให้ facebook เป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 5 ในหมู่บริษัทอินเทอร์เน็ตในสหรัฐอเมริกา ด้วยมูลค่ารายรับต่อปีเพียงแค่ 150 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หลายฝ่ายได้อธิบายว่า การตัดสินใจของไมโครซอฟต์ในครั้งนี้ทำเพียงเพื่อที่จะเอาชนะ Google ซึ่งเป็นคู่แข่งขันที่จะขอซื้อ facebook ในครั้งเดียวกันนั้น

คู่แข่งของ facebook ก็คือ MySpace, Bebo, Friendster, LinkedIn, Tagged, Hi5, Piczo, และ Open Social

วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554

ปัญหาของเด็กไทย

ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาได้ยินข่าวมากมายเกี่ยวกับ เด็กเยาวชนของเราฆ่าตัวตาย ไม่ว่าจะเอ็นฯติดแต่กลัวพ่อแม่ไม่มีเงินส่งเสีย, เกรดตกกลัวพ่อแม่เสียใจ, ติด F กลัวพ่อแม่สิ้นเปลืองเงิน อ่านแล้วเศร้าใจค่ะ
ทำไมเด็กของเราจิตใจจึงเปราะบางนัก ใครมีส่วนทำให้เขาเป็นไปอย่างนั้น
แน่นอนคนใกล้ชิดกับเด็กเองก็คือพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ท่านเข้าข่ายมีส่วนโดยปัดความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะพวกท่านใกล้ชิดเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เล็ก

ย้อนไปเมื่อ 20-30 ปีก่อน พ่อแม่ในยุคนั้นมักบอกกับลูกว่าต้องเข้าเรียนในคณะที่ดีๆ ทำเงินได้เยอะๆ และมีโอกาสจะได้เป็นใหญ่เป็นโต เด็กๆในยุคนั้นตอนนี้ก็เติบโตขึ้นมาเป็นพ่อแม่ในยุคปัจจุบันนี้ เราแบกความคาดหวังของพ่อแม่มาตั้งแต่ยุคนั้น

มีทั้งที่สมหวัง และพลาดหวัง จนปัจจุบันนี้เราได้เป็นพ่อแม่คนบ้างแล้ว ท่านเห็นอะไรบ้างไหม ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้เป็นไปตามที่พ่อแม่คาดหวังไว้ แต่ปัจจุบันก็กลายเป็นแม่คนหนึ่ง และยังสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ตามสมควร (แม้จะไม่ได้เป็นใหญ่เป็นโตตามพ่อแม่คาดหวัง) หากวันนั้นเราฆ่าตัวตาย เราก็จะพลาดสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต

พ่อแม่ในยุคปัจจุบันไม่ได้แตกต่างจากยุคก่อน และยิ่งทวีความหวังในตัวลูกมากกว่ายุคก่อนเสียอีก อาจเป็นพราะสภาพการแข่งขัน เอาตัวรอดในปัจจุบันรุนแรงยิ่งนัก

ดิฉันได้เห็นพ่อแม่ที่มีลูกวัยอนุบาลเคี่ยวเข็ญลูกให้เขียนให้อ่านให้ได้ก่อนลูกเพื่อบ้าน หรือเพื่อนในห้อง เด็กอายุเพียง 5-6 ขวบต้องเรียนพิเศษถึง 6 โมงเย็น เพื่อให้พ่อแม่คุยได้ว่าลูกฉันเก่งกว่าใคร ได้เห็นแม่ยืนด่าลูกสาววัยประถมหน้าห้องเรียนในวันที่ไปดูคะแนนสอบว่า "มันเรียนยากเย็นนักรึไง ทำไมทำได้แค่นี้ เรียนพิเศษเพิ่มเยอะๆนะ ห้ามไปเล่นหลังเลิกเรียน" ดิฉันมองหน้าเศร้าๆน้ำตาคลอเบ้าของเด็กคนนั้นด้วยความเวทนา ได้เห็นพ่อแม่บางคนที่เอาเรื่องของตัวเองมาใส่หัวให้ลูกคิด เช่น แกต้องช่วยฉันทำงานบ้าง รู้มั๊ยฉันมีหนี้สินเท่าไหร่ ที่ต้องเลี้ยงดูส่งเสียแกน่ะ (ว่าเข้านั่น แล้วใครมันก่อหนี้ถ้าไม่ใช่พ่อแม่ที่ไม่รู้จักพอเพียง)

พ่อแม่กำลังทำอะไรกับลูก ทำเพื่ออะไร ชดเชยสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ในวัยเด็ก หรือเพียงอยากจะแข่งขันกับคนอื่นเพื่อความมีหน้ามีตาของตัวเอง

วันๆพ่อแม่ก้มหน้าก้มตาหาเงินมาจ่ายค่าเล่าเรียนสำหรับโรงเรียนดีๆแพงๆ แต่เพื่ออะไร เคยถามลูกหรือไม่ วันนี้เรียนเป็นยังไง ลูกทำอะไรบ้างที่โรงเรียน ลูกมีปัญหาอะไรปรึกษาพ่อแม่บ้างหรือเปล่า คุณเคยถามในสิ่งที่ลูกต้องการบ้างไหม หรือ บอกแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการให้ลูกฟัง

-คะแนนน้อยจัง ได้ที่เท่าไหร่เนี่ย ไปเรียนพิเศษอีก

-ต้องเอาชนะเค้าให้ได้นะลูก เท่าไหร่เท่ากันต้องเรียนเพิ่มอีกเท่าไหร่ พ่อ/แม่ยอมจ่าย

-เทอมนี้ต้องทำคะแนนให้ได้ดีกว่านี้

-ต้องสอบเข้าคณะนี้ให้ได้นะ ไม่งั้นแย่แน่เลย

-จะเลือกคณะนี้จริงๆเหรอ หางานยากนะ จบมาจะเอาอะไรกิน

-นี่ข้างบ้านติดหมอนะลูก แล้วเราล่ะติดอะไร

-จบแล้วนี่ ได้งานรึยังเงินเดือนเท่าไหร่ ลูกเพื่อนพ่อเค้าได้ตั้งหลายหมื่น

คุณรู้ไหมคะ คำพูดพวกนี้ทำร้ายจิตใจลูกคุณแค่ไหน คุณคิดว่าเค้าจะรับแรงเสียดทานเหล่านี้ได้มั้ย คุณคอยดูแลจิตใจพวกเขาตั้งแต่วัยเด็กมาดีแค่ไหน หากคุณใช้คำพูดเหล่านี้ทิ่มแทงเขาตั้งแต่เด็ก สักวันก็ต้องมีวันที่เขารับไม่ไหว

ไม่ได้บอกว่าให้เลิกคาดหวังในตัวเด็ก แต่ขอให้คุณมีหวังในตัวเด็ก เราย่อมรู้จักลูกของเราดีกว่าใคร

ทุกครั้งที่มองลูก ขอให้นึกถึงตัวเองในวัยเด็ก คุณอยากให้พ่อแม่ใส่ใจในตัวคุณแค่ไหน จงใส่ใจในตัวลูกของคุณให้มากกว่านั้น ฟังสิ่งที่เขาต้องการ มากกว่าบอกแต่สิ่งที่คุณต้องการให้เขาเป็น

ดิฉันเชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนที่อยู่ใกล้ชิดลูก อบรมดูแลเป็นอย่างดี ลูกต้องเป็นเด็กดีของคุณ หากเขาไม่เป็นอย่างที่หวัง อย่าซ้ำเติมเขาเลยค่ะ

ถึงลูกดิฉันจะไม่เก่งเท่าลูกคนอื่น ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยังไงก็อยากได้ลูกที่ยังมีชีวิตจิตใจและมีลมหายใจอยู่ ไม่ใช่ลูกที่หมดลมหายใจแล้ว เพราะหัวใจแตกสลาย

ช่วยกันสนใจเด็กไทยของเราบ้างนะคะ หลายคนกำลังหัวใจแตกสลายเพราะพ่อแม่โดยไม่รู้ตัว








วันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2554

20 ประเทศที่น่าเที่ยวที่สุดในโลก

20. Ireland



ไอร์แลนด์ (ภาษาไอริช Éire) ชื่ออย่างเป็นทางการของประเทศนี้คึอสาธารณรัฐไอร์แลนด์ (อังกฤษ: Republic of Ireland) (ภาษาไอริช โพบลัคท์ นา เฮย์เรอันน์ - Poblacht na hÉireann) นับเป็นสมาชิกที่อยู่ไกลสุดทางตะวันตกของสหภาพยุโรป มีประชากร 4 ล้านกว่าคน เป็นประเทศบนเกาะไอร์แลนด์ อยู่ห่างจากทวีปยุโรปไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ โดยครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 5 ใน 6 ของเกาะดังกล่าว (ส่วนที่เหลืออีก 1 ใน 6 ของเกาะไอร์แลนด์ เรียกว่า ไอร์แลนด์เหนือ เป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า "สหราชอาณาจักร" นั่นเอง)

ไอร์แลนด์เป็นอีก ประเทศหนึ่งที่ใช้เงินยูโร เมืองหลวงชื่อ ดับลิน พื้นที่ทั้งหมด 70,273 ตร.กม. ประกาศเอกราชจากอังกฤษ เมื่อ 21 มกราคม 2462.


19. Chile






ประเทศชิลี มีชื่อทางการว่า สาธารณรัฐชิลี (สเปน: República de Chile (ข้อมูล)) เป็นประเทศในทวีปอเมริกาใต้ มีเนื้อที่ติดชายฝั่งทะเลยาวระหว่างเทือกเขาแอนดีสกับมหาสมุทรแปซิฟิก มีอาณาเขตจรดประเทศอาร์เจนตินาทางทิศตะวันออก จรดโบลิเวียทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และจรดเปรูทางทิศเหนือ ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันตกของประเทศมีความยาว 6,435 กิโลเมตร ชิลีมีดินแดนในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยครอบครองหมู่เกาะควนเฟร์นันเดซ เกาะซาลาอีโกเมซ หมู่เกาะเดสเบนตูราดัส และเกาะอีสเตอร์ในโพลินีเซีย ชิลียังอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนในแอนตาร์กติกาด้วยเมืองหลวง ซัน ติเอโก (เป็นเมืองใหญ่ที่สุดด้วย) ประชากร 16.4 ล้านคน เนื้อที่ทั้งหมด 756,950 ตร.กม. สกุลเงิน เปโซชิลี ใช้ภาษาเสปนเป็นภาษาราชการ



18. JAPAN

ญี่ปุ่น มีเนื้อที่กว่า 377,835 ตารางกิโลเมตร นับเป็นอันดับที่ 62 ของโลก หมู่เกาะญี่ปุ่นประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่กว่า 3,000 เกาะ เกาะที่ใหญ่ที่สุดก็คือเกาะฮนชู ฮกไกโด คิวชู และ ชิโกกุ ตามลำดับ เกาะของญี่ปุ่นส่วนมากจะเป็นหมู่เกาะภูเขา ซึ่งในนั้นมีจำนวนหนึ่งเป็นภูเขาไฟ เช่นภูเขาไฟฟูจิ ภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศ เป็นต้น

ประชากรของญี่ปุ่นนั้นมีมากเป็นอันดับที่ 10 ของโลก คือประมาณ 128 ล้านคน เมืองหลวงของญี่ปุ่นคือกรุงโตเกียว ซึ่ง ถ้ารวมบริเวณปริมณฑลเข้าไปด้วยแล้วจะกลายเป็นเขตเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ มีประชากรอยู่อาศัยมากกว่า 30 ล้านคน ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาราชการ ใช้เงินสกุลเยน.


17. BOTSWANA


บอตสวานา ({Republic of Botswana}; ภาษาเซตสวานา:Lefatshe la Botswana) เป็นประเทศหนึ่งในภูมิภาคแอฟริกาใต้ และเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล มีอาณาเขตดังนี้ ทิศใต้ติดกับประเทศแอฟริกาใต้ ทิศตะวันตกติดกับประเทศนามิเบีย ทิศเหนือติดกับประเทศแซมเบีย ทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดกับประเทศซิมบับเว

มีพื้นที่ประมาณ 600,000 ตร.กม. ประชากร ประมาณ 1.6 ล้านคนเศษ
ใช้ภาษา อังกฤษ และ Tswana เป็นภาษาราชการ เพิ่งได้รับเอกราชจากอังกฤษมาเมื่อปี 1966 นี่เอง สกุลเงิน ปูลา (BWP)




16. CANADA


แคนาดา (อังกฤษ: Canada; ภาษาฝรั่งเศสออกเสียง /kanada/, /กานาดา/) เป็นประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ ติดกับสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีที่ตั้งอยู่ทางเหนือมากที่สุดของโลกและมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ สองของโลก ปัจจุบันแคนาดาใช้ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็น ประมุข โดยถือพระราชินีอลิซาเบธที่สองเป็นกษัตริย์ (หมายเหตุ: พระองค์เดียวกับของสหราชอาณาจักร แต่โดยรัฐธรรมนูญแล้วถือว่าเป็นคนละตำแหน่ง แม้จะเป็นบุคคลเดียวกัน โดยมงกุฎและบัลลังก์นั้นใช้คนละแบบ ไม่ได้ใช้ร่วมกัน)

เมืองหลวง ชื่อออตตาวา (โตรอนโต เป็นเมืองใหญ่ที่สุด) เนื้อที่ 9,984,670 ตร.กม. ประชากร 32.6 ล้านคน ใช้ภาษา อังกฤษ และฝรั่งเศษ เป็นภาษาราชการ สกุลเงิน ดอลลาร์ แคนาดา ($ CAD)


15. TURKEY



ตุรกี (Turkey) (ตุรกี: Türkiye [ตืร์กีเย]) หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐตุรกี (Republic of Turkey) เป็นประเทศที่มีดินแดนทั้งในบริเวณเธรซ บนคาบสมุทรบอลข่านในยุโรปตอนใต้ และคาบสมุทรอานาโตเลียในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ตุรกีมีพรมแดนทางด้านทิศตะวันออกติดกับประเทศจอร์เจีย อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน และอิหร่าน มีพรมแดนทางด้านทิศใต้ติดกับอิรัก ซีเรีย และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนทางทิศตะวันตกติดกับกรีซ บัลแกเรีย และทะเลอีเจียน ทางเหนือติดกับทะเลดำ ส่วนที่แยกอานาโตเลียและแทรสออกจากกันคือทะเลมาร์มารา และช่องแคบตุรกี (ช่องแคบบอสฟอรัสและช่องแคบดาร์ดาเนลเลส) ซึ่งมักถือเป็นพรมแดนระหว่างทวีปเอเชียกับยุโรป จึงทำให้ตุรกีเป็นประเทศที่มีดินแดนอยู่ในหลายทวีป

เมืองหลวง อังการา (อิสตันบูล เป็นเมืองใหญ่ที่สุด) เนื้อที่ 780,580 ตร.กม. ประชากร 73.2 ล้านคน, ใช้ภาษา ตุรกี เป็นภาษาราชการ, สกุลเงิน ลีราตุรกี (TRY)


14. ARGENTINA


อาร์เจนตินา หรือชื่อทางการ สาธารณรัฐอาร์เจนตินา (สเปน: República Argentina) เป็นหนึ่งในประเทศในทวีปอเมริกาใต้ (ละตินอเมริกา) ตั้งอยู่ระหว่างเทือกเขาแอนดีสทางทิศตะวันตก และมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ทางทิศตะวันออกและทิศใต้ มีพรมแดนจดประเทศปารากวัยและประเทศโบลิเวียทางภาคเหนือ จดประเทศอุรุกวัยและประเทศบราซิลทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และจดประเทศชิลีทางภาคตะวันตกและภาคใต้ อาร์เจนตินาเป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของทวีปอเมริกาใต้ รองจากบราซิล และมีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 8 ของโลก

เมืองหลวง บัวโนสไอเรส, เนื้อที่ 2,791,810 ตร.กม.. ประชากร 38.7 ล้านคน ใช้ภาษาสเปน, สกุลเงิน เปโซอาร์เจนตินา


13. EGYPT


สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ (Arab Republic of Egypt) หรือที่เรียกโดยทั่วไปว่า อียิปต์ (Egypt) (อาหรับ: مصر (มิศรุ), ถ่ายเขียนเป็นอักษรโรมันว่า Mişr หรือ Maşr ในภาษาถิ่นของอียิปต์) เป็นประเทศในแอฟริกาตะวันออกเฉียงเหนือที่มีประชากรมากที่สุด

ประเทศ อียิปต์มีพื้นที่ประมาณ 1,020,000 กม.² ซึ่งรวมถึงคาบสมุทรซีนาย (ถ้าเป็นส่วนหนึ่งของเอเชียตะวันตกเฉียงใต้) ในขณะที่พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศตั้งอยู่ในแอฟริกาเหนือ มีพรมแดนด้านตะวันตกติดกับประเทศลิเบีย ด้านใต้ติดกับ ประเทศซูดาน ด้านตะวันออกเฉียงเหนือติดกับประเทศอิสราเอล ชายฝั่งทางเหนือติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และทางตะวันออกติดกับทะเลแดง

ประชากร อียิปต์ส่วนใหญ่อาศัยบนทั้งสองฝั่งของแม่น้ำไนล์ (ประมาณ 40,000 กม.2) และคลองสุเอซ พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศเป็นส่วนของทะเลทรายซาฮารา และมีผู้คนอาศัยอยู่เบาบาง

ประเทศนี้มีชื่อเสียงในด้านอารยธรรมโบราณ รวมถึงอนุสาวรีย์โบราณที่น่าตื่นตาที่สุดในโลก ได้แก่ พีระมิด อารามคาร์นัค และหุบเขากษัตริย์ (Valley of the Kings) ในปัจจุบัน อียิปต์ถือว่าเป็นศูนย์กลางทางการเมืองและวัฒนธรรมของโลกอาหรับ

เมือง หลวง ไคโร (อเล็กซานเดรีย เป็นเมืองใหญ่ที่สุด), เนื้อที่ 1,001,449 ตร.กม., ประชากร 78.9 ล้านคน, ภาษา อาหรับ และมาสรี, สกุลเงิน ปอนด์อียิปต์ (EGP)


12. MEXICO


เม็กซิโก (อังกฤษ: Mexico) หรือชื่อทางการคือสหรัฐเม็กซิโก (United Mexican States) (สเปน: México; Estados Unidos Mexicanos) เป็นประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ มีพรมแดนจรดสหรัฐอเมริกาทางเหนือ และจรดเบลีซและกัวเตมาลาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เม็กซิโกเป็นประเทศที่อยู่ทางเหนือสุดและตะวันตกสุดของภูมิภาคลาตินอเมริกา และเป็นประเทศที่มีผู้ใช้ภาษาสเปนมากที่สุดในโลก

เมืองหลวง เม็กซิโกซิตี้, เนื้อที่ 1,972,550 ตร.กม., ประชากร 108.7 ล้านคน, ใช้ภาษา สเปน, สกุลเงิน เปโซ (MXN)

11. AUSTRALIA


เครือรัฐออสเตรเลีย (อังกฤษ: Commonwealth of Australia) เป็นประเทศซึ่งประกอบด้วยแผ่นดินหลักของทวีปออสเตรเลีย เกาะแทสเมเนีย และเกาะอื่นๆในมหาสมุทรอินเดีย แปซิฟิก และมหาสมุทรใต้ ประเทศเพื่อนบ้านของออสเตรเลียประกอบด้วย อินโดนีเซีย ปาปัวนิวกินี และติมอร์ตะวันออกทางเหนือ หมู่เกาะโซโลมอน วานูอาตู และนิวแคลิโดเนียทางตะวันออกเฉียงเหนือ และนิวซีแลนด์ทางตะวันออกเฉียงใต้

เมือง หลวง แคนเบอร์รา (ซิดนีย์ เป็นเมืองใหญ่ที่สุด), เนื้อที่ 7,686,850 ตร.กม., ประชากร 20.9 ล้านคน, ภาษาอังกฤษ, สกุลเงิน ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD)


10. SPAIN


สเปน (สเปน: España) หรือชื่อทางการคือ ราชอาณาจักรสเปน (สเปน: Reino de España)[4] เป็นประเทศทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป ตั้งอยู่บนคาบสมุทรไอบีเรียร่วมกับโปรตุเกสและอันดอร์รา สเปนมีพรมแดนติดกับฝรั่งเศสทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือตามแนวเทือกเขาพิเรนีส

เมืองหลวง มาดริด, เนื้อที่ 504,030 ตร.กม., ประชากร 45.2 ล้านคน, ภาษา สเปน, สกุลเงิน ยูโร (EUR)

9. GREECE


ประเทศกรีซ (Greece) (ภาษากรีก: Ελλάδα, Elládha (ออกเสียง: [e̞ˈlaða]) หรือ Ελλάς, Ellás (ออกเสียง: [e̞ˈlas])) มีชื่อประเทศเป็นทางการว่า สาธารณรัฐเฮลเลนิก (Hellenic Republic) (ภาษากรีก: Ελληνική Δημοκρατία, Ellinikí Dhimokratía (ออกเสียง: [e̞ˌliniˈci ðimo̞kraˈtiˌa]) เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรป ตอนใต้สุดของคาบสมุทรบอลข่าน มีพรมแดนทางเหนือติดกับประเทศบัลแกเรีย มาซิโดเนีย และแอลเบเนีย มีพรมแดนทางตะวันออกติดกับประเทศตุรกี อยู่ติดทะเลอีเจียนทางด้านตะวันออก ติดทะเลไอโอเนียนและทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางด้านตะวันตกและใต้ กรีซนับว่าเป็นแหล่งอารยธรรมตะวันตกอันยิ่งใหญ่ และมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ซึ่งกรีซได้แผ่อิทธิพลไปยัง 3 ทวีป

ชาวกรีกเรียกประเทศตัวเองว่า Hellas ซึ่ง ภาษากรีกในปัจจุบันออกเสียง ว่า Ellas โดยในการพูดทั่วไปจะใช้คำว่า Ellada และมักจะเรียกตัวเองว่า Hellenes แม้กระทั่งในภาษาอังกฤษ ซึ่งคำภาษาอังกฤษ "Greece" มาจากชื่อละตินว่า Graecia หมายถึงพื้นที่ทางเหนือของกรีซในปัจจุบัน ซึ่งมีกลุ่มคนที่เรียกว่า Graikos อาศัยอยู่

เมืองหลวง เอเธนส์, เนื้อที่ 131,945 ตร.กม., ประชากร 11.2 ล้านคน, ภาษา กรีก, สกุลเงิน ยูโร (EUR)


8. USA


สหรัฐอเมริกา (United States of America) เป็นสหพันธรัฐประชาธิปไตย ปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญ ประกอบไปด้วยรัฐ 50 รัฐ ตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ มีพรมแดนต่อกับประเทศแคนาดาและเม็กซิโก ส่วนพรมแดนทางทะเลนั้นติดต่อกับประเทศแคนาดา รัสเซียและบาฮามาส โดยมีมหาสมุทรแปซิฟิก ทะเลแบริง มหาสมุทรอาร์กติก มหาสมุทรแอตแลนติก อ่าวเม็กซิโก และทะเลแคริบเบียนเป็นผืนน้ำล้อมรอบ

สหรัฐอเมริกาเป็น ศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของโลก และเป็นอภิมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียวของโลกในยุคปัจจุบันทั้งในด้านการทหารและ เศรษฐกิจซึ่งรวมไปถึงในด้าน วิทยาศาสตร์ การศึกษา การกีฬา และบันเทิง

เมือง หลวง วอชิงตัน ดี.ซี. (นิวยอร์ค เป็นเมืองใหญ่ที่สุด), เนื้อที่ 9,631,418 ตร.กม., ประชากร 301.7 ล้านคน, ภาษา อังกฤษ, สกุลเงิน ดอลลาร์ (USD)

7. SOUTH AFRICA


ประเทศแอฟริกาใต้ หรือ สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ (อังกฤษ: The Republic of South Africa) หรืออาจเรียกสั้น ๆ ว่า "แอฟริกาใต้" (ต่างจาก "แอฟริกาตอนใต้" ซึ่งเป็นภูมิภาคประกอบไปด้วยหลายประเทศ รวมถึงประเทศแอฟริกาใต้) เป็นประเทศอิสระที่อยู่ตอนปลายทางใต้สุดของทวีปแอฟริกา มีพรมแดนติดกับ ประเทศนามิเบีย ประเทศบอตสวานา ประเทศซิมบับเว ประเทศโมซัมบิก และ ประเทศสวาซิแลนด์ ส่วนประเทศเลโซโท (Lesotho) เป็นดินแดนที่ถูกล้อมรอบทุกด้านด้วยอาณาเขตของประเทศแอฟริกาใต้ รวมทั้งยังเป็นประเทศส่งออกเพชรและ ทองคำ

เมืองหลวง.. เคปทาวว์ (ทางฝ่ายนิติบัญญัติ) ทริทอเรีย (ทางฝ่ายบริหาร) โบลเอมฟอนเทอิน (ทางฝ่ายศาล),... ภาษา : แอฟริกัน, อังกฤษ, ซูลู, โซซ่า, สวาติ, เอ็นเด, เบลี, โซโทโต้, โซโทเหนือ, ซองก้า, สวันนา, เวนดา... สกุลเงิน แรน (ZAR)


6. FRANCE



ประเทศฝรั่งเศส หรือ สาธารณรัฐฝรั่งเศส (République française) (ออกเสียง [ʁepyˈblik fʁɑ̃ˈsɛz]) เป็นประเทศที่มีศูนย์กลางตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก ทั้งยังประกอบไปด้วยเกาะและดินแดนอื่นๆ ในต่างทวีป ประเทศฝรั่งเศสแผ่นดินใหญ่ทอดตัวตั้งแต่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจนถึงช่องแคบ อังกฤษและทะเลเหนือ และจากแม่น้ำไรน์จนถึงมหาสมุทรแอตแลนติก ชาวฝรั่งเศสมักเรียกแผ่นดินใหญ่ว่า หกเหลี่ยม (L'Hexagone) เนื่องจากรูปทรงทางกายภาพของประเทศ ประเทศฝรั่งเศสปกครองด้วยระบอบกึ่งประธานาธิบดี โดยยึดอุดมการณ์จากปฏิญญาว่าด้วยสิทธิของมนุษย์และของพลเมือง

ประเทศ ฝรั่งเศสมีพรมแดนติดกับประเทศเบลเยียม ลักเซมเบิร์ก เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี โมนาโก อันดอร์ราและสเปน และเนื่องจากประเทศฝรั่งเศสมีดินแดนโพ้นทะเลไว้ในครอบครอง ทำให้มีอาณาเขตติดกับประเทศบราซิลและซูรินาเม (ติดกับเฟรนช์เกียนา) และหมู่เกาะอินดีสเนเธอร์แลนด์ตะวันตก (ติดกับแซงต์-มาร์แตง) อีกด้วย นอกจากนั้นประเทศฝรั่งเศสยังเชื่อมกับสหราชอาณาจักรทางอุโมงค์ช่องแคบอังกฤษ อีกด้วย

เมืองหลวง ปารีส, เนื้อที่ 551,695 ตร.กม., ประชากร 64.1 ล้านคน, ใช้ภาษาฝรั่งเศส, สกุลเงิน ยูโร (EUR)


5. BRAZIL



บราซิล หรือชื่อทางการ สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ และเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 5 ของโลก มีพื้นที่กว้างขวางระหว่างตอนกลางของทวีปอเมริกาใต้และมหาสมุทรแอตแลนติก มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศอุรุกวัย อาร์เจนตินา ปารากวัย โบลิเวีย เปรู โคลอมเบีย เวเนซุเอลา กายอานา ซูรินาเม และดินแดนเฟรนช์เกียนา — ทุกประเทศในทวีปอเมริกาใต้ ยกเว้นเอกวาดอร์และชิลี

เมืองหลวง บาซิลเลีย (เมืองเซาเปาโล เป็นเมืองใหญ่ที่สุด), เนื้อที่ 8,547,403 ตร.กม., ประชากร 186.4 ล้านคน, ใช้ภาษาโปตุเกส, สกุลเงิน รีล (BRL).


4. THAILAND


คงไม่ต้องบอกข้อมูลนะคะ

3. ITALY




อิตาลี (อิตาลี: Italiana) มีชื่ออย่างเป็นทางการคือ สาธารณรัฐอิตาลี (Italian Republic) (ภาษาอิตาลี: Repubblica Italiana) เป็นประเทศในทวีปยุโรป บริเวณยุโรปใต้ ตั้งอยู่ในคาบสมุทรอิตาลีที่มีรูปทรงคล้ายรองเท้าบูต และมีเกาะ 2 เกาะใหญ่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน คือ เกาะซิซิลี และ เกาะซาร์เดนญา และพรมแดนตอนเหนือแบ่งประเทศโดยเทือกเขาแอลป์ กับประเทศฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย และสโลวีเนีย ประเทศอิตาลีเป็นประเทศสมาชิกก่อตั้งของสหภาพยุโรป เป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ นาโต และกลุ่มจี 8

มีประเทศอิสระ 2 ประเทศ คือ ซานมารีโนและนครรัฐวาติกัน เป็นดินแดนที่ล้อมรอบไปด้วยพื้นที่ของอิตาลี ในขณะที่เมืองกัมปีโอเนดีตาเลีย (Campione d'Italia) เป็นดินแดนส่วนแยกของอิตาลีที่ถูกล้อมรอบด้วยพื้นที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

เมืองหลวง โรม, เนื้อที่ 301,338 ตร.กม., ประชากร 60.1 ล้านคน, ใช้ภาษา อิตาลี, สกุลเงิน ยูโร


2. INDIA



ประเทศอินเดีย หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐอินเดีย ตั้งอยู่ในทวีปเอเชียใต้ เป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของอนุทวีปอินเดีย มีประชากรมากเป็นอันดับที่สองของโลก และเป็นประเทศประชาธิปไตยที่มีประชากรมากที่สุดในโลก โดยมีประชากรมากกว่าหนึ่งพันล้านคน มีภาษาพูดแปดร้อยภาษาโดยประมาณ ด้านเศรษฐกิจ อินเดียมีอำนาจการซื้อมากเป็นอันดับที่สี่ของโลก ทั้งนี้ อาณาเขตทางทิศเหนือติดกับจีน เนปาล และภูฏาน ทางตะวันตกเฉียงเหนือติดกับปากีสถาน ทางตะวันออกเฉียงเหนือติดพม่า ทางตะวันออกเฉียงใต้และตะวันตกเฉียงใต้จรดมหาสมุทรอินเดีย ทางตะวันออกติดบังกลาเทศ และมีพื้นที่ 3,287,590 ตารางกิโลเมตร ซึ่งใหญ่กว่าไทยประมาณหกเท่า

เมืองหลวง นิวเดลี (มุมไบ หรือ บอมเบย์ เป็นเมืองใหญ่ที่สุด), เนื้อที่ 3,287,390 ตร.กม., ประชากร 1,103 ล้านคน, ภาษา อังกฤษ และท้องถิ่น, เฃสกุลเงิน รูปี (INR)


1. NEWZEALAND





นิวซีแลนด์ (อังกฤษ: New Zealand) เมารีนิวซีแลนด์: Aotearoa [เอาเตอารัว] หมายถึง "ดินแดนแห่งเมฆยาวสีขาว" หรือ Niu Tireni [นิวทิเรนี] ซึ่งเป็นการทับศัพท์จากภาษาอังกฤษ) เป็นประเทศที่ประกอบด้วยเกาะใหญ่ 2 เกาะ รวมถึงเกาะเล็ก ๆ จำนวนหนึ่ง ในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนตะวันตกเฉียงใต้ - นิวซีแลนด์มีเมืองหลวงชื่อเวลลิงตัน (Wellington)

นิวซีแลนด์ เป็นประเทศที่ห่างไกลจากประเทศอื่น ๆ มากที่สุด ประเทศที่อยู่ใกล้ที่สุดคือประเทศออสเตรเลีย ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะใหญ่ 2,000 กิโลเมตร โดยที่มี ทะเลแทสมันกั้นกลาง ดินแดนเดียวที่อยู่ทางใต้คือทวีปแอนตาร์กติกา และทางเหนือคือนิวแคลิโดเนีย ฟิจิ และตองกา

เมืองหลวง เวลลิงตัน (โอคแลนด์ เป็นเมืองใหญ่ที่สุด, เนื้อที่ 268,680 ตร.กม., ประชากร 4.1 ล้านคน, ภาษา อังกฤษและเมารี, สกุลเงิน ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD)