วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554

มหาภัยพิบัติล้างโลกน้ำท่วมโลก 2555

มหาภัยพิบัติล้างโลกน้ำท่วมโลก 2555



กล่าวขานกันอย่างหนาหูถึงวันโลกแตก วาระสุดท้ายของโลก, วันพระเจ้าพิพากษาโทษมนุษย์ ไปจนถึงวันสิ้นเผ่าพันธุ์มนุษย์ซึ่งกล่าวไปแล้ว แม้เรียกขานต่างกันแต่มีความหมายเดียวกัน

นั่นคือโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาคหรือเปลือกโลก ครั้งใหญ่อีกครั้ง ซึ่งไม่มีใครสามารถตอบ ได้ชัดเจนว่าในอดีตเกิดกี่ครั้งแล้ว แต่ครั้งล่าสุด นักวิทยาศาสตร์ ผู้นำศาสนา และโหรหลายสำนัก คิด และพูดตรงกันว่า กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้

วาระสุดท้ายของโลกสำหรับการเปลี่ยนแปลงเปลือกโลกครั้งใหญ่ ครั้งล่าสุดนี้ นักวิทยาศาสตร์และ นักพยากรณ์พูดตรงกันอีกว่า ไม่ถึงขั้น โลก แตกเป็นผุยผงแต่หมายถึงอาจเกิด มหาภัยพิบัติธรรมชาติครั้งร้ายแรง ในรอบหลายพันปีหรือหมื่นปีซึ่งมีผล ทำให้สิ่งมีชีวิต บนโลกมนุษย์สัตว์และพืช กว่าครึ่งล้มตายไป และอาจทำให้เทคโนโลยี ที่มนุษย์สร้างขึ้นถึงยุคนาโนเทคโนโลยี อาจสูญหายมลายไปเกือบหมด

มหาภัยพิบัติที่หลายฝ่ายพากัน กล่าวขานถึงมากที่สุดในเวลานี้มีอยู่ 3 เหตุการณ์ ได้แก่น้ำท่วมโลก ภูเขาไฟระดับซูเปอร์ภูเขาไฟระเบิดพร้อมกัน และพายุสุริยะจากดวงอาทิตย์ใน สภาพไฟประลัยกัลป์ล้างโลก

ทั้ง 3 มหาภัยพิบัติล้างโลก เกี่ยวข้องกันเหมือนปฏิกริยาลูกโซ่ เป็นโซลาห์แฟลร์ หรือเปลวสุริยะแผ่มาถึงโลกในขณะที่โลกสูญเสียพลังสนามแม่เหล็กโลกไปเนื่อง จากแกนโลกเอียงซึ่งเกิดจาก ภูเขาไฟระเบิดเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่

ความร้อนแรงจากเปลวสุริยะ ที่แผ่มายังโลก โดยฉับพลันทันทีโดย ไม่มีพลังสนามแม่เหล็กปกป้องโลกนั้น สามารถทำให้น้ำแข็งขั้วโลกเหนือและ ใต้ละลายอย่างฉบับพลันทันที เกิดน้ำ ท่วมโลกชั่วข้ามคืนเดียว

จนถึงขณะนี้ทุกข้อมูลที่ได้มีการรวบรวมเอาไว้ทำให้นักวิทยาศาสตร์ ชี้ตรงมาที่มหาภัยพิบัติล้างโลกน่าจะเกิดจากน้ำท่วมโลกมากกว่ามหาภัยพิบัติอื่น ๆ

ทุกวัฒนธรรมทุกความเชื่อในโลกต่างตระหนักว่าการเกิดมหาภัย พิบัติถึงขนาดพลิกฟ้าถล่มดิน หรือน้ำท่วม ใหญ่ระดับ “น้ำท่วมถึงฟ้าปลากินดาว” นั้นมักเกิดลางสังหรณ์ลางบอกเหตุก่อน เสมอ

จากปฏิทินหินของชาวมายา ได้กำหนดไว้ เมื่อ 5,000 ปีก่อนว่า วาระสุดท้ายของโลกในยุคนี้ จะหยุดลง ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ.2012 หรือ พ.ศ.2555

ก่อนหน้าโลกจะถึงวาระสุดท้าย ตามปฏิทินชาวมายาโบราณนักวิทยา ศาสตร์ยุคใหม่หลายชาติ ได้สรุป ตรงกันว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในปลายปี ค.ศ. 2012 ก่อนหน้าอย่างน้อย 1 หรือ 2 ปี ต้องมีลางบอกเหตุ ปรากฏขึ้นมาก่อน

มาบัดนี้ลางบอกเหตุร้ายวาระสุดท้ายของโลกได้ปรากฏออกมาแล้ว ตั้งแต่ต้นปี ค.ศ.2011 นับแต่เดือน มกราคมเป็นต้นมาเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ภูเขาไฟหินระเบิด น้ำท่วม ครั้งใหญ่ ไปจนถึงความผิดปกติของฤดูกาล ซึ่งหากนำความสูญเสียความเดือดร้อน ผู้คนได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติดังกล่าวนี้ใน รอบ 10 ปีที่ผ่านมา มีถึง 2,600 ล้านคน เปรียบเทียบกับ 10 ปีก่อนหน้า มากกว่าถึง 1,000 ล้านคน

จึงน่าสรุปได้ว่าลางบอกเหตุโลกถึงวาระสุดท้าย ธรมชาติได้เตือนภัย มนุษย์ถี่ขึ้นตามลำดับ

ขอรวบรวมมหาภัยพิบัติ ธรรมชาติเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี ค.ศ. 2011 หรือ พ.ศ.2554 ที่เกิดขึ้นแล้วมีดังนี้

5 มกราคม เกิดแผ่นดินไหว ระดับ 5.3 ริกเตอร์ ทางตอนใต้จังหวัดฟาร์สประเทศ อิหร่าน มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ 16 คน หมู่บ้าน 17 แห่ง พังพินาศกลางเดือน มกราคม เกิดน้ำท่วมใหญ่ที่เมืองเจดหาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ทำให้เสียชีวิต 13 คน
สูญหาย 3 คน อาคารบ้านเรือน 27,000 หลังเสียหาย พื้นที่ถนนเมือง เจดดาห์ 90% ถูกน้ำท่วมทั้งที่ ซาอุฯ เป็น ประเทศอยู่ในทะเลทรายมูลค่าความ เสียหาย 282,000ล้านบาท

ช่วงระหว่างปลายเดือน มกราคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์เกิดน้ำท่วมใหญ่ ทางภาคตะวันออก และภาคเหนือ ประเทศศรีลังกา มีผู้เสียชีวิต 50 คน ประชาชนกว่าล้านคนเดือดร้อน ชาวศรีลังกา 5% ของจำนวนประชากร ทั้งหมดไร้ที่อยู่ มูลค่าความเสียหาย 8,130 ล้านบาท

22 กุมภาพันธ์ เกิดแผ่นดินไหว ระดับ 6.3 ริกเตอร์ที่เมืองไครสต์เชิร์ซ ประเทศออสเตรเลีย มีผุ้เสียชีวิต 182 คน บาดเจ็บกว่า 200 คน อาคาร 1 ใน 3 ที่เมือง ไครสต์ เชิร์ช พังพินาศ บ้านเรือนกว่าหมื่น หลังต้องสร้างใหม่ มูลค่าความเสียหาย 330,000 ล้านบาท

ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ เกิดฝนตก หนัก ที่จังหวัดวิซายาสะจังหวัดไปโคล และจังหวัดคารากา ทางตะวันออกประเทศ ฟิลิปปินส์ เกิดน้ำท่วมใหญ่ มีผู้เสียชีวิต 75 คน พื้นเกษตรกรรม เกือบทั้งหมด เสียหายเป็นมูลค่ากว่า 1,380 ล้านบาท น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ เกิดขึ้นในฤดูหนาวของ ชาวตากาล็อค

10 มีนาคม เกิดแผ่นดินไหวระดับ 5.8 ริกเตอร์ ที่เมืองหยิงเจียง มณฑลยูน นาน มีผู้เสียชีวิต 26 คน บาดเจ็บกว่า 300 คน ผลผลิตจากถ่านหินเสียหายไป 15 % รวมเป็นมูลค่าความเสียหาย 282, 000 ล้านบาท

11 มีนาคม เกิดเหตุธรณีพิโรธ ครั้งใหญ่ที่สุดในโลกระดับ 9.0 ริกเตอร์ ที่ชายฝั่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ สูงถึง 40 เมตร กวาดล้างถล่มทะลาย บ้านเมืองโรงงาน พังพินาส ยับเยิน คนตาย อย่างน้อย 13,000 คน สูญหายกว่า 15,000 คน มูลค่าเสียหาย นับเป็นสถิติสูงที่สุดนับแต่เกิดภัยพิบัติธรรมชาติขึ้นมากว่า 9,300 ล้านล้านบาท คิดเป็น 6% ของจีดีพี. ของประเทศญี่ปุ่น (หมายถึงว่าหากปีใดการ พัฒนาเศรษฐกิจญี่ปุ่นโต 6% ปีนั้นมี ค่าเท่ากับศูนย์)

24 มีนาคม เกิดแผ่นดินไหวระดับ 6.8 ริกเตอร์ ที่รัฐฉานทางตะวันออก เฉียงหนือ ของประเทศพม่า มีผู้เสียชีวิต 74 คน บาดเจ็บอย่างน้อย 100 คน อาคาร กว่า 240 แห่งพังพินาศ

ช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้น เดือนเมษายน ซึ่งเป็นฤดูแล้งเกิดฝนตกหนัก บริเวณภาคใต้ตอนกลาง โดยเฉพาในเขตจ.นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี กระบี่ มีผู้เสียชีวิต 53 คน คนจำนวนเกือบ 2 ล้านคนได้รับความเดือดร้อน

ก่อนหน้าเมื่อปลายปี 2553 ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน จนถึงปัจจุบัน ภูเขาไฟโบโมทางตะวันออกเกาะชวา ได้ระเบิดตูมตาม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 35 คน สูญหาย 9 คน เถ้าถ่านลาวาทำลายพืชผล เกษตรกรรมมูลค่าความเสียหาย 403 ล้านบาท ทั้งหมดนี้คือลางบอกเหตุ ที่ธรรมชาติ บอกให้รู้ว่าของใหญ่กว่านี้หลายเท่ากำลังจะมา

ของใหญ่ที่ร้ายแรงกว่านี้ยิ่งขึ้น ทำลายล้างโลกทำให้คน สัตว์ พืช สูญสิ้น เผ่าพันธุ์ไปนั้น มีข่าวปรากฏตั้งแต่ 10 กว่าปีมาแล้ว นับแต่การค้นพบปฏิทินหิน ชาวมายาโบราณ และการพยากรณ์สุดท้าย ของนอสตราดามุสมาเผยแพร่ให้ระบุว่า ช่วงปี พ.ศ. 2012 ถึง 2017 หรือ พ.ศ. 2555 2560 ถึง อาจเกิดมหันตภัยพิบัติ น้ำท่วมโลกขึ้น

นักวิทยาศาสตร์พยายามค้น หาข้อมูลอ้างอิงถึงความเป็นไปได้ตามคำพยากรณ์ ได้พบข้อมูลที่น่าตื่นตะลึง 2 กรณี
1.ข้อมูล จากนักสำรวจได้เก็บข้อมูล มีหมู่เกาะ กรีนแลนด์ขั้วโลกเหนือ ซึ่งเป็นเกาะ น้ำแข็งใหญ่ที่สุดในโลก พื้นที่ 2.2 ล้าน ตร./กม. ได้พบการละลายน้ำแข็ง ที่มีปริมาณมหาศาล หรือ 19 ร้อยล้านตัน เมื่ออุณภูมิโลกสูงขึ้น 1 องศาซึ่งเกิดจาก สภาวะโลกร้อน น้ำแข็งที่ขั้วโลกเหล่านี้กำลัง ละลายกลายเป็นน้ำถึงวันละ 1 ล้านตัน โดย จะไหลลงในมหาสมุทรกระทั่งอาจทำให้ น้ำท่วมโลกในปีค.ศ. 2012ตรงตามคำทำนาย

กรณีที่ 2 เป็นกลุ่มนักวิจัยองศา ได้อ้างข้อมูลจากองค์การนาซ่าสหรัฐ อเมริกา ได้คำนวณว่าเมื่อน้ำแข็งจากขั้วโลก ละลายไหลมายัง 7มหาสมุทรทั่วโลก ศูนย์ถ่วงของโลกจะสูญเสียไปอาจทำ ให้แกนโลกถึงกับพลิกกลับขั้ว ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012

หมายความว่า ขั้วโลกเหนือ จะผลักกลับสลับ ที่กันขั้วโลกใต้ช่วงเวลา การกลับขั้วโลกนี้ ทำให้พลังสนามแม่เหล็กโลกเกิดการแปรปรวน จนกระทั่งไม่อาจเป็น เกราะ ป้องกันรังสีอันตรายต่างจากอวกาศ ได้เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะเรียงตัวได้ใหม่

ในวันที่ 21 ธันวาคม 2012 จึงเป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์แผ่นเปลวสุริยะ ที่มีความร้อนแรงสูงไปยังสุริยะจักรวาล ทุกทิศบางบางส่วนแผ่ตรามายังโลก ไปยังสุริยะจักรวาลทุกทิศบางบาง ส่วนแผ่ตรงมายังโลกซึ่งเป็นดาวบริวาร ลำดับที่ 3 ห่างจากดวงอาทิตย์ 93ล้านไมล์

ช่วงเวลาดังกล่าวนี้โลก อยู่ในช่วงไม่มี พลังสนามแม่เหล็กไว้ป้อง กันตัวเอง ทำให้รังสีจาก ดวงอาทิตย์พุ่งมายังโลกได้อย่างเต็ม ๆ หายนะที่คาดว่าจะเกิดขึ้นคือน้ำแข็ง จากขั้วโลก เหนือและใต้ละลายอย่าง ฉับพลันน้ำปริมาณมหาศาลก่อตัวเป็นระลอกสูง หรือสึนามิ แผ่ขยายไปทั่วโลก

ได้มีการอ้างถึงผลงานวิจัยจาก ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ผู้คาดหมายเกิด สึนามิ ที่ทะเลอันดามันเมื่อปี 2006 ปัจจุบันเป็นประธานกรรมการอำนวยการ ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ได้ทำนายว่า กรุงเทพฯทั้งหมดจะจมอยู่ใต้ทะเลใน ปี ค.ศ. 2015

สอดคล้องกับการวิจัย ของดร.องอาจ ชุมสาย ณ อยุธยา นักวิทยาศาสตร์ องค์กร ของไทยผู้ได้ร่วมงานกับองค์การ นาซ่าที่เป็นผู้คิดค้นระบบการลงจอด ยานอวกาศบนดาวอังคารได้พยากรณ์ ว่าโลกจะเกิดมหันตภัยพิบัติครั้งใหญ่ในปี 2017 ในคำภีร์ไบเบิลของชาวคริสกล่าว ถึงมหันตภัยน้ำท่วมโลกยุคโนอาห์เอาไว้ แผ่นดินถูกน้ำท่วมเกือบทั้งหมดเหลืออยู่ไม่กี่แห่ง ที่โผล่เหนือน้ำ เพียงพอให้โนอาห์นำ เรืออาร์คไปจอดได้ มีบันทึกว่าวันที่เกิดน้ำ ท่วมโลก นั้นเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ สูง ถึง 3 ไมล์ หรือ 5 กม. เท่ากับ 5,000 เมตรหรือ สูงเท่ากับตึกสูง 1428 ชั้น

สำหรับในเมืองไทยอยู่ในตำแหน่งพื้นที่สูงหากเกิดน้ำท่วมโลกน้ำทะเล จะท่วมภาคใต้ภาคกลางจมทั้งหมด โดยมีระดับน้ำท่วม 4-8 เมตร หรือ ระดับตึก 2 ชั้น

จากความเชื่อนี้แสดงว่าพื้นที่ประเทศไทยต่ำกว่าจ.สระบุรีลงมา จมน้ำทั้งหมดเหลือประเทศไทย อยู่เฉพาะภาคเหนือภาคอีสานเหนือ อีสานใต้ บางจังหวัดก็จม น้ำเช่นกัน

จากเว็บไวต์พลังจิตดอทคอมซึ่งเป็นศูนย์รวมนักวิชาการผู้สนใจการศึกษา วิจัยเรื่องพลังจิตได้โพสต์ข้อความไว้ว่า..จากการเกิดแผ่นดินไหวทั่วโลกและภาวะ อากาศหนาวในหน้าร้อนฝนตกหนัก ภาคใต้ในฤดูแล้งเมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา บอกให้รู้ว่าภูมิอากาศเกิด การแปรปรวนอย่างหนัก อาจเป็นรางบอก เหตุเตือนภัยน้ำท่วมโลกจากธรรมชาติก็เป็นได้

ขณะเดียวกันมีรายงาน ล่าสุดจาก นักวิทยาศาสตร์อวกาศซึ่งเคยทำงาน กับองค์การนาซา ได้เปิดเผยเมื่อเร็ว ๆนี้ ว่าโลกร้อนขึ้นเนื่องจาก ก๊าซคาร์บอนไดร์ คำนวณแล้วว่าหากเกิดน้ำท่วมโลกขึ้นจริงคงไม่รุนแรง เหมือนโนอาห์คลื่นยักษ์เกิดในทะเล อาจสูงแค่ 500 เมตร ซึ่งอาจทำให้ผู้คน อยู่บนภูเขาสูง ทลายแห่งรอดชีวิตได้

ข่าวล่าสุดคณะนักวิทยา ศาสตร์เชื่อว่าเกิดน้ำท่วมโลกจริง ได้เตรียมผลิตอาหารสำเร็จรูปเป็น อาหารแคปซูลมีขนาดเท่าแท่งช็อคโกแล็ต คนเรากินชิ้นเดียวอิ่มไปทั้งวัน

ผู้รู้ในเมืองไทย ซึ่งไม่ประสงค์ ออกนาม บอกผ่านมายังแปลกทะลุโลกว่า หากผู้ใดเชื่อเกิดน้ำท่วมโลกก็จงเตรียม ตัวเตรียมใจไว้บ้างเช่นเตรียมหาสถาน ที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 500 เมตร เป็นที่หนีภัยน้ำท่วม พร้อมอุปกรณ์และ อาหารยังชีพ สำหรับกินอยู่ 3 เดือน ก็จะอยู่รอดปลอดภัยไม่สูญพันธุ์ไปจากโลก เหมือนสิ่งมีชีวิตยุคโนอาห์

อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ คือคำทำนายคำพยากรณ์โดยใช้ข้อมูล ทางวิทยาศาสตร์มาอ้างอิงดังนั้นขอ ให้ผู้อ่านแปลกทะลุโลกอย่าตื่นตระหนกเหมือนกระต่ายตื่นตูมเชื่อครึ่งหนึ่ง ไม่เชื่อครึ่งหนึ่งก็น่าจะชิลๆแล้วกระมัง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น